“สส.อนันต์” ขอ “รัฐบาล” เพิ่มงบฯ กระทรวงเกษตรฯ ชี้ ยังมีพื้นที่กว่า 100 ล้านไร่เข้าไม่ถึงระบบชลประทาน ย้ำ “น้ำ ดินเมล็ดพันธุ์พืช” คือ ปัจจัยที่จะทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้
วันที่ 4 ม.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายอนันต์ ผลอำนวย สส.เขต 3 จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระแรกในวันแรก ว่า ตนขอสนับสนุนร่างงบประมาณ และเข้าใจถึงการที่รัฐบาลต้องจัดการงบประมาณภายใต้เวลาจำกัด และสถานะการคลังของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่ตนมีความเป็นห่วงอยู่ประมาณ 6-7 ประเด็นในร่าง พรบ.ดังกล่าว คือ
1.ความสามารถในการจัดเก็บรายได้เพื่อให้การขาดดุลงบประมาณเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
2.งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่มีความจำเป็นน้อย และเป็นรายจ่ายบุคลากรภาครัฐ ยังมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยากต่อการปรับลดลงหากไม่มีการจัดการอย่างจริงจัง
3.การบริหารจัดการหนี้สาธารณะของประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยรัฐบาลจะต้องมีแผนในการดำเนินการที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและศักยภาพในการบริหารประเทศ ซึ่งวันนี้เศรษฐกิจภายในประเทศเติบโตอยู่ในระดับต่ำ
4.ภาวะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น
5.ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการปัญหาภัยแล้ง
6.โครงการประชากรสูงวัย
7.รัฐบาลยังไม่สามารถกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ถือว่าใกล้ชิดกับประชาชน รู้ปัญหาและความต้องการของประชาชน ซึ่งจะทำให้ใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่า
นายอนันต์ กล่าวว่า ในส่วนงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครัังนี้ถือว่าได้รับงบประมาณน้อย หากเอาจำนวนของเกษตรทั่วประเทศกว่า 7 ล้านครอบครัว หรือประมาณ 28 ล้านคนมาเป็นที่ตั้ง โดยเกษตรกรในประเทศไทยมีหนี้ทุกครัวเรือน โดยเฉลี่ย 450,000 บาท ขาดซึ่งองค์ความรู้ในการจัดการและสิทธิในที่ดิน แรงงานในภาคการเกษตร สิ่งที่เป็นหัวใจมีปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ น้ำ ดิน และเมล็ดพันธุ์พืช โดยระบบชลประทาน ในร่าง พรบ.งบประมาณ 2567 ได้งบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท จากวงเงินประมาณ 110,000 ล้านบาทของกระทรวงเกษตรฯ โดยพื้นที่ประเทศไทยมี 320.7 ล้านไร่ แบ่งเป็นพื้นที่การเกษตร 149.25 ล้านไร่ ระบบชลประทานเข้าถึง 35.23 ล้านไร่ และในส่วนพื้นที่ที่ไม่มีระบบชลประทานมีมากถึง 114,000,000 ไร่ จึงเป็นโจทย์ว่า ประชาชนจะอยู่กันอย่างไร
“ทั้งนี้ ระบบชลประทานจะช่วยจัดการบริหารน้ำในทุกด้าน หากเศรษฐกิจฐานรากไม่แข็งแรง ระดับประเทศจะเติบโตอย่างไร งบประมาณของกรมชลจำนวนนี้จะนำไปขยายระบบชลประทานได้เพียงแค่ 6 แสนไร่ต่อปี ต้องใช้เวลาถึง 200 ปี กว่าระบบชลประทานจะเข้าครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งถ้าเกษตรขาดน้ำเหมือนตายไปครึ่งตัว เรื่องนี้รัฐบาลควรจะเร่งแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด นายอนันต์ กล่าว
ส่วนงบประมาณของกรมพัฒนาที่ดิน ที่มีเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทำหน้าที่ในการปรับปรุงดิน แต่ได้งบประมาณ 4,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่เพียงพอในการดำเนินงานจัดการดินได้อย่างทั่งถึง อย่าง หมอดินอาสาที่เข้ามาช่วยเกษตรกรจัดการก็ไม่ได้ค่าตอบแทนใดๆ ทั้งที่เรื่องน้ำและดินรัฐบาลควรที่จะใช้งบกลางเข้ามาจัดการเพื่อให้เกษตรกรสามารถลืมตาอ้าปากได้
ด้านกรมทรัพยากรน้ำบาดาล แก้ปัญหาภัยแล้งให้เกษตรกรมีน้ำใช้ในพื้นที่ๆ ไม่สามารถจัดระบบชลประทานได้ ซึ่งขณะนี้มีหลายโครงการที่เดินหน้าขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล ให้การทำเกษตรได้ผลมากขึ้น แต่งบประมาณ 1,100 ล้านบาท คงทำได้ไม่กี่แห่ง จึงขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณางบประมาณให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมากขึ้น
นายอนันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ศูนย์พันธุ์ข้าว ภายใต้การดูแลของกรมการข้าว 29 แห่งทั่วประเทศ แต่ไม่สามารถตอบสนองคนทำนาได้ โดยศูนย์พันธุ์ข้าว มีทั้งนักวิจัย นักวิชาการ หน่วยงานที่สนับสนุนมากมาย ที่จะเข้ามาช่วยให้ความรู้กับชาวนา ถึงเรื่องพันธุ์ข้าวที่สอดรับกับสภาพอากาศและภูมิประเทศ ศูนย์พันธุ์ข้าวควรที่จะกระจายทั่วประเทศเพื่อชาวนา ไม่ใช่พ่อค้า ถ้าเราทำดีๆ จะทำให้ชาวนาลดต้นทุนการผลิตได้ และกรมการข้าวก็ยังมีอีกหลายโครงการที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้ ตนเชื่อว่า งบกลางที่ตั้งไว้กว่าหกแสนล้านบาทจะสามารถนำมาใช้ในกระทรวงเกษตรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกษตรไทย
#อนันต์ผลอำนวย #สสกำแพงเพชร #พรรคพลังประชารัฐ #พปชร #รัฐสภา #งบประมาณปี2567 #กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ #รัฐบาล #ข่าวการเมือง #MissionThailand