….สายบุญต้องห้ามพลาดกับการเดินสายท่องเที่ยวทำบุญ..3..วัดหลวงที่มีความงดงามและยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ…ประเดิมกันที่วัดแรก “วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือ”วัดพระแก้ว”,,.นับเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมระดับโลก ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ในดวงใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างมากมาย…การเดินทางมายังวัดพระแก้วนั้น…ก็นั่งรถไฟฟ้า BTS ไปลงสะพานตากสิน ต่อเรือด่วนเจ้าพระยา ธงส้ม ค่าโดยสาร 15 บาท ไปลงท่าเตียน เรามาเริ่มต้นที่หนึ่งในแลนด์มาร์กระดับโลก สุดยอดงานศิลป์ Temple of The Emerald Buddha : Bangkok หรือ ที่คนไทยรู้จักในนาม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว พระอารามหลวงชั้นพิเศษนั่นเอง…
….วัดพระแก้วเป็นวัดที่ รัชกาลที่1 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ในปี พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เหมือนกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยกรุงศรีอยุธยา
….ไฮไลต์เด็ดเมื่อเดินทางมาที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม นั่นคือ การได้ไปกราบสักการะ “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” หรือ “พระแก้วมรกต” เป็นศิลปแบบล้านนาตอนปลาย ประทับนั่งปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ องค์พระแกะสลักจากเนื้อหยกสีเขียวทึบชิ้นเดียว เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของคนไทยนั่นเอง
….จากวัดพระแก้วเราค่อยๆ…เดินลัดเลาะมายัง “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือ “วัดโพธิ์” พระอารามหลวงชั้นเอก “มรดกความทรงจำแห่งโลก” จากยูเนสโก ที่วัดโพธิ์นี้…เราจะได้พบกับงานสถาปัตยกรรมชั้นยอด
…พร้อมกันกับการได้ไหว้พระทำบุญ วัดโพธิ์เป็นวัดประจำของรัชกาลที่1 เดิมชื่อ “วัดโพธาราม” เป็นวัดที่มีความเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในรัชกาลที่1 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดโพธารามขึ้นในปี พ.ศ.2331 และในปี พ.ศ.2344 ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาศ” โดยมีพระประสงค์สร้างให้เป็นสถานที่เล่าเรียน พระปริยัติธรรมของพระภิกษุสงฆ์ ต่อมาในสมัย รัชกาลที่3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ จนมาถึงในสมัย รัชกาลที่4 ได้โปรดฯ ให้เปลี่ยนนามวัดเป็น “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม”
…ไฮไลต์เด็ดของวัดวัดโพธิ์ คือ การได้ไปกราบสักการะขอพรพระนอนวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ มีความยาว 5 เมตร สูง 3 เมตร มีการประดับมุกภาพมงคล 108 ประการที่พระบาท “พระพุทธเทวปฏิมากร” พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ เป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา นอกจากนี้ที่วัดโพธิ์เปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทยอีกด้วย เนื่องจากเป็นศูนย์รวมสรรพวิชาหลายๆ แขนงนั่นเอง…
…จากวัดโพธิ์เราข้ามฟากไปยัง…”วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร” หรือ”วัดแจ้ง” ….วัดอรุณราชวรารามราชฯวรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก เป็นวัดประจำ รัชกาลที่2 เดิมเรียกว่า “วัดมะกอก” สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในปี พ.ศ. 2310 เมื่อพระเจ้าตากสิน ย้ายราชธานีมายังกรุงธนบุรี จึงเสด็จกรีฑาทัพล่องลงมาทางชลมารคถึงหน้าวัดมะกอกในยามรุ่งอรุณพอดี จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น “วัดแจ้ง” ในช่วงเวลาที่กรุงธนบุรีเป็นราชธานี วัดแจ้งตั้งอยู่กลางพระราชวัง จึงไม่โปรดให้มีพระสงฆ์จำพรรษา และถือว่า วัดแจ้งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของกรุงธนบุรี เนื่องจากเป็นวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตและพระบาง ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงโปรดให้อัญเชิญพระแก้วมรกตย้ายมาประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมหาราชวังเมื่อปี พ.ศ. 2327 ส่วนพระบางได้โปรดพระราชทานคืนไปยังนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว และพระองค์ทรงโปรดให้วัดแจ้ง เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอีกครั้งหนึ่ง
…ต่อมาในสมัย รัชกาลที่ 2 ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และโปรดพระราชทานพระนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชธาราม” จนมาถึงในสมัย รัชกาลที่ 4 ได้โปรดฯ ให้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น “วัดอรุณราชวราราม” มาจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นที่สำคัญของวัดนี้ คือ การได้ไปกราบสักการะขอพรพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารและการได้ไปกราบสักการะขอพร “พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก” พระประธานในพระอุโบสถ
… พบกับเรื่องราวท่องเที่ยวดีๆ…ได้ที่..www.missionthailand.online…สวัสดี..จร้า…
……………
Story/Photo : BoY นาคราช
:ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่…Line..090931-3955
#missionthailand.online
#Guruchill
#เรื่องเล่านักเดินทาง