‘ชูวิทย์’ ฟ้องกลับ ‘เศรษฐา’ พร้อมยื่นสอบมารยาท ‘ทนายวิญญัติ’

‘ชูวิทย์’ ฟ้องกลับ ‘เศรษฐา’ พร้อมยื่นสอบมารยาท ‘ทนายวิญญัติ’

นายชูวิทย์ ฟ้องกลับ นายเศรษฐา-ทนายวิญญัติ ฐานดูหมิ่นฟ้องเท็จ เรียกค่าเสียหาย 90,000 บาท พร้อมยื่นสอบมารยาททนายความ ฐานเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เตรียมแฉเพิ่มนิติกรรมอำพราง บริษัท แสนสิริ คราวนี้หนักกว่าเดิม ไปซื้อบริษัท นอมินีต่างชาติ เข้ามาซื้อที่ดินในเมืองไทย เผยเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ตรวจสอบพรุ่งนี้ 10โมง (17 สิงหาคม)

วันที่ 16 สิงหาคม 2566 ที่ศาลอาญา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาเพื่อยื่นฟ้องกลับ นายเศรษฐา ทวีสิน และนายวิญญัติ ชาติมนตรี หลังเมื่อสองสัปดาห์ก่อน นายเศรษฐาและทนายความ ได้มายื่นฟ้องนายชูวิทย์

ก่อนขึ้นไปยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวานที่ตนเองแถลงข่าวแฉการนิติกรรมอำพรางของแสนสิริ ตนเองได้ขุดหลุมพรางเอาไว้ เพื่อให้แสงสิริออกมาตอบโต้ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตนเองวางแผนไว้ นั่นคือแสนสิริ ชี้แจงเพียงแค่ว่าการซื้อขายที่ดิน ในซอยทองหล่อ 12 มีความโปร่งใส แต่แสนสิริไม่ได้บอกถึงวิธีการซื้อขายที่ชัดเจน รวมไปถึงวิธีการตั้งนอมินีขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าแสนสิริคงไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

ส่วนที่ตนเองมาในวันนี้ เพราะต้องการฟ้องกลับนายเศรษฐา ทวีสิน 3 ข้อหาคือ หมิ่นประมาทฟ้องเท็จและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตนเองเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 90,000 บาท นับ ตั้งแต่วันที่นายวิญัติ ทนายความเดินทางมาฟ้องตนเองเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ตนเองไม่ได้ต้องการฟ้องเพื่อทรัพย์สินเงินทองแต่ต้องฟ้องเพื่อความจริง ซึ่งประชาชนควรมีสิทธิ์ได้รับรู้ ว่า บริษัทแสนสิริภายใต้การบริหารของนายเศรษฐาว่าที่นายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจรูปแบบหนึ่ง

จากนั้น นายชูวิทย์ได้กล่าวไปถึงการทำนิติกรรมอำพรางการซื้อขายที่ดิน ที่ปากซอยทองหล่อ 12 ว่า บริษัทแสนสิริได้ตั้งบริษัทนอมินีขึ้นมาบริษัทหนึ่ง ไปเอา รปภ.กับแม่บ้าน มาเป็นกรรมการบริษัท เพื่อที่จะนำบริษัทดังกล่าวไปซื้อหุ้นบริษัทอีกบริษัทหนึ่ง จากนั้นค่อยไปซื้อที่ดินผืนดังกล่าว มีการซื้อที่ดินในราคาสูงกว่าความเป็นจริงถึง 1,000 ล้านบาทเพื่อเอาเงินทอน และวิธีการทำธุรกรรมยังผิดแปลกซึ่งตามปกติ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จะต้องทำสัญญาซื้อขายก่อน แล้วค่อยทำสัญญาจำนอง แต่บริษัทแสนสิริกลับทำสัญญาจำนองโฉนดไว้ล่วงหน้า ส่วนที่ดินผืนดังกล่าวเจ้าของปัจจุบันเป็นนายแพทย์อยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ส่วน รปภ.ที่ชื่อนายสมศักดิ์กับแม่บ้านที่ชื่อนายพินิช เป็นกรรมการบริษัทเป็นนอมินี ก็ไปแจ้งความเพื่อยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ต้องให้เจ้าตัวออกมาชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร อยากบอกทั้งสองคนว่า ถ้าไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องก็มาให้การในฐานะพยาน หรือ ถ้าอยากปกปิด ก็แล้วแต่ ส่วนตนเองเชื่อว่า ทั้งรปภ. และแม่บ้าน คงจะได้ค่าจ้างจากการเป็นนอมินีไม่เท่าไหร่พร้อมยืนยันจากนี้ ขอแลกกันหมัดต่อหมัดสู้กันในชั้นศาลตนเองมีหลักฐานครบ

ส่วนกรณีของนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้รับอำนาจนายเศรษฐา ที่มาฟ้องตนเอง ก็จะยื่นสอบมารยาททนายความด้วยเช่นกัน โดยหลังจากยื่นฟ้องศาลตนเองจะเดินทางไปสภาทนายความเพื่อขอให้นายกสภาทนายความสอบมารยาททางจริยธรรมต่อนายวิญญัติ ซึ่งตนเองมองว่านายวิญญัติเล่นการเมืองมากเกินไป จนลืมมารยาททนายความไปแล้ว

นายชูวิทย์ บอกว่า พรุ่งนี้สิบโมง จะนำหลักฐานไปร้องเรียนต่อ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อตรวจสอบและใช้อำนาจตามกฎหมายเรียกนอมินีของนายเศรษฐามาสอบสวน ซึ่งถ้าหากพบว่าผิดจริงอาจรุนแรงถึงถูกยึดทรัพย์ โดยตนเองได้เตรียมแจ้งข้อหาหลายข้อหาต่อนายเศรษฐาทั้งฉ้อโกงประชาชน และข้อหาอื่นๆ เรียกได้ว่าบริษัทแสนสิริ ภายใต้การบริหารของนายเศรษฐามีพฤติกรรมเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

ส่วนที่นายเศรษฐาชี้แจงว่า ทำธุรกิจอสังหามากกว่า 30 ปี นายชูวิทย์บอกว่า ถ้าหน่วยงานภาครัฐเข้าไปตรวจสอบบริษัทแสนสิริจริง จะพบกับความจริงหลายอย่าง ตนเองในฐานะประชาชน ไม่ได้มีส่วน เกี่ยวข้องหรือมีปัญหาส่วนตัว แต่ทำในฐานะประชาชน พรรคเพื่อไทยจะต่อว่าตนเองอะไรก็ตาม ตนเองทำในนามสิทธิของประชาชน

นายชูวิทย์กล่าวอีกว่า ไม่ใช่แค่การตรวจสอบ การซื้อขายที่ดิน ย่านสารสิน ทองหล่อ เพียงเท่านั้น ที่จะแฉต่อไปคือโซนสุขุมวิท เพราะตนเองมีหลักฐานว่า มีการเอาบริษัทต่างชาติมาเป็นนอมินี เพื่อซื้อที่ดิน ภายในซอยสุขุมวิท 12 และก็ยังมีย่านอ่อนนุชอีกที่ ที่ตนเองเตรียมจะแฉต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

POLITICS: ‘จีรเดช’ เสนอ กรมทางหลวง เร่งจัดสรรงบประมาณสร้างถนน 4 ช่องทางรองรับการส่งเสริมท่องเที่ยว-ขนส่งสินค้า พัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดพะเยา

POLITICS: ‘จีรเดช’ เสนอ กรมทางหลวง เร่งจัดสรรงบประ […]

You May Like

Subscribe US Now