รมว.เกษตรฯ ‘ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วม จ.กาฬสินธุ์ สั่งการสำนักชลประทานที่ 6 เข้าช่วยเหลือประชาชน ระบายน้ำทันที และให้เร่งลดระดับน้ำ ลำน้ำยังโดยยกบานเขื่อนยโสธรเพื่อรับปริมาณน้ำไหลลงสู่ลำน้ำชี ป้องกันเอ่อล้น หากมีน้ำฝนเพิ่มมาอีก ย้ำ นายกฯ กำชับเร่งช่วยเหลือประชาชนเต็มที่
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าตามที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยในเขตพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 จำนวน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกุฉินารายณ์ เขาวง ห้วยผึ้ง นาคู และ สมเด็จ ทำให้ส่งผลกระทบต่อประประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งพื้นที่ทำการเกษตร ไร่นาถูกน้ำท่วมจำนวนมาก ขณะที่ถนนหนทางสัญจรไปมาด้วยความยากลำบากนั้น ล่าสุดตนเองได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดโดยเฉพาะสำนักงานชลประทานที่ 6
ให้จัดเตรียมเครื่องจักร และเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือระบายน้ำอย่างเร่งด่วนแล้ว และให้เร่งลดระดับน้ำ ลำน้ำยัง ลงไปยัง ลำน้ำชี เพื่อให้สามารถรองรับน้ำที่อาจจะหลากล้นลงมาอีก หากมีปริมาณฝนตกหนักเพิ่มขึ้นมาอีก พร้อมกันนี้ให้รายงานสถานการณ์ทุกระยะ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้กำชับเร่งช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนอย่างเร่งด่วนด้วย
“ท่านนายกฯ มีความเป็นห่วงประชาชนและพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมอย่างมาก ได้กำชับให้ทางกระทรวงเกษตรฯ สั่งหน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนอย่างเต็มที่” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวย้ำ
ด้านนายชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ภายหลังจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าวเร่งด่วนนั้น ขณะนี้ตนเองได้จัดเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องอุปกรณ์เครื่องจักรและเครื่องสูบน้ำไว้พร้อมแล้วเพื่อเข้าช่วยประชาชนได้ทันที
ขณะเดียวกันได้ประสาน ไปยังสำนักชลประทานที่ 7 ให้เขื่อนยโสธรยกบานเพื่อลดระดับน้ำ ดึงระดับน้ำในลำน้ำยังลงและไหลลงสู่ลำน้ำชี ให้เร็วขึ้น ตามข้อห่วงใยของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ พื้นที่ท้ายอ่างห้วยฝา ห้วยผึ้ง ห้วยสะทด จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 3 วันหากไม่มีฝนตกมาเพิ่ม ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ฝนได้หยุดตกแล้ว ส่วนถนนที่ได้รับน้ำหลากปัจจุบันสามารถสัญจรได้เป็นปกติแล้วเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ได้รายงานต่อท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถึงสาเหตุการเกิดสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ เนื่องจากมีฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงวันที่ 6 กันยายน ต่อเนื่องถึงวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา บริเวณต้นน้ำลำน้ำยังตอนบน อ.กุฉินารายณ์ ปริมาณน้ำฝนมากสุด 124.0 มม. อ.เขาวง 110.0 มม. อ.ห้วยผึ้ง 36.0 มม. อ.นาคู 55.0 มม. อ.สมเด็จ 109.5 มม.
ส่งผลให้น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 7 อ่าง เต็มความจุอ่างฯ ได้แก่ อ่างฯ ห้วยสะทด ห้วยฝา ห้วยผึ้ง ห้วยจาน ลำพะยังตอนบน ห้วยจุมจัง ห้วยมะโน โดยปริมาณน้ำที่ล้นจากอาคารระบายน้ำล้น ไหลท่วมท้ายอ่างฯ จำนวน 3 อ่าง คือ ห้วยฝา ห้วยผึ้ง ห้วยสะทด ส่วนอีกจำนวน 4 อ่างไหลลงไปสมทบกันที่จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ลำน้ำชี บ้านโพธิ์ตากอ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ดังกล่าว
นอกจากนี้ ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 6 ยัง กล่าวถึงกรณีผู้ประสบภัย 2 รายถูกน้ำป่าพัดไปนั้น เบื้องต้นทราบว่า ทางงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองกุฉินารายณ์ นำเรือเข้าช่วยเหลือได้ปลอดภัยแล้ว 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือนายธงชัย ประกอบแสง อายุ 39 ปี ส่วนอีก 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 19 ปี ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ข้ามสันอาคารระบายน้ำล้น ช่วงเวลา 05.30 น. ของเมื่อวาน (วันที่ 6 กันยายน 2566) ส่งผลให้น้ำพัดร่างไปตามกระแสน้ำ ข้อมูลรายงานจากนายอำเภอห้วยผึ้ง ทราบชื่อนายชาญบุตรวงศ์ ปัจจุบันหน่วยกู้ภัยยังค้นหาผู้ประสบภัยไม่พบ ครอบครัวไม่ติดใจ เนื่องจากฝ่าฝืนป้ายห้ามที่ชลประทานได้ติดตั้งไว้แล้ว
ด้านนายบำรุง คะโยธา ตัวแทนชาวนา ในพื้นที่บ้านกุดตาใกล้ ต.สายนาวัง อ.นาคูจ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวบ้านในตำบลสายนาวังได้รับผลกระทบน้ำท่วมไร่นาจากสถานการณ์ฝนตกเนื่อง 2-3 วันแล้ว และหากยังฝนตกไม่หยุดในตำบลสายนาวังซึ่งมี 2-3 หมู่บ้านคงเดือดร้อนหนักเพราะนาข้าวจะเสียหายหลายพันไร่ อย่างไรก็ตามตนเองก็หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ววัน เนื่องจาก ขณะนี้มีหลายหน่วยงานในพื้นที่ รวมถึงกรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 6 ได้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องการระบายน้ำในอ่างห้วยมะโน และยังมีเครื่องจักรอุปกรณ์รวมถึงเครื่องสูบน้ำไว้ช่วยเหลือชาวบ้านอีกด้วย
“สิ่งที่เป็นปัญหาของพี่น้องชาวนาในตำบลสายนาวังที่ผ่านมา คือการเรียกร้องขอทำนาปรังในฤดูแล้ง โดยขอให้ปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยมะโน ซึ่งปกติหากน้ำเต็มอ่างมีปริมาณจำนวน 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ในฤดูแล้งก็ยังมีปริมาณน้ำเพียงพอ เราเข้าใจดีว่ามีภาวะฝนทิ้งช่วงเอลนีโญ แต่เราอาศัยอยู่กันมานานจึงทราบดีว่าเมื่อถึงฤดูฝนก็จะเกิดน้ำท่วม ทำให้นาข้าวเสียหายจำนวนมาก จึงมีเพียงฤดูแล้งที่ขอทำนาปรังบ้างเพื่อมีข้าวและพืชผลผลิตทางการเกษตรไว้สำหรับบริโภคในครัวเรือน” นายบำรุงกล่าว