นพ.ชลน่าน”รมว.ก.สาธารณสุขและภาคีเครือข่าย เร่งนโยบายการป้องกัน การตรวจคัดกรอง และการรักษามะเร็งที่พบในผู้หญิงไทย

นพ.ชลน่าน“รมว.ก.สาธารณสุขและภาคีเครือข่ายเร่งสานต่อนโยบายการป้องกัน การตรวจคัดกรอง และการรักษามะเร็งที่พบในผู้หญิง เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้หญิงไทย

มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของไทย ปัจจุบันพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 รายต่อปี มะเร็งเต้านมพบมากเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย และมีแนวโน้มอัตราเกิดโรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มะเร็งปากมดลูกพบมากเป็นอันดับ 5 ในผู้หญิงไทย และมีแนวโน้มอัตราการเกิดโรคลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงอย่างนั้น โรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกล้วนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับต้น ๆ ของสตรีในประเทศไทย นับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญที่ควรได้รับการแก้ไข

 

เนื่องในโอกาสเดือนตุลาคมเป็นเดือนรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย สมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย และมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง ร่วมกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้จัดงานประชุมหารือนโยบายมะเร็งในสตรีและโอกาสของการดูแลมะเร็งในสตรีภายใต้หัวข้อ “Enhancing Women’s Cancer Care: Thailand Women Cancer Policy Forum” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก รวมทั้ง หารือแนวทางการส่งเสริมให้สตรีไทยสามารถเข้าถึงการป้องกัน การตรวจคัดกรอง และการรักษาโรคมะเร็งในสตรีได้ดีมากยิ่งขึ้น ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Global Breast Cancer Initiative ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งตั้งเป้าที่จะลดอัตราการเสียชีวิตของมะเร็งเต้านมลง 2.5% ต่อปี ภายในปี 2040 และกลยุทธ์ทั่วโลกสำหรับการกำจัดมะเร็งปากมดลูกผ่านเป้าหมาย 3 ประการภายในปี 2030 คือ ฉีดวัคซีน HPV 90% การตรวจคัดกรอง 70% และการรักษา 90% งานดังกล่าวได้รับเกียรติจาก นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในการกล่าวเปิดงาน โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นพ. โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มาร่วมเป็นเกียรติในงาน

จากรายงาน ผลกระทบและโอกาส: การลงทุนและการดำเนินการเร่งด่วนที่จำเป็น เพื่อลดอัตราการเกิดมะเร็งของผู้หญิงในเอเชียแปซิฟิก (Impact and opportunity: the case for investing in women’s cancers in Asia Pacific) ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในด้านการเฝ้าระวังและการป้องกัน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายในอีกหลาย ๆ ด้าน เช่น การเข้าถึงการตรวจคัดกรอง การรักษา และการจัดสรรทรัพยากรและงบประมาณในการดูแลมะเร็งในสตรี ซึ่งหากได้รับการแก้ไขจะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของสตรีและผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น และลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ รายงานได้เสนอแนะ 5 โอกาสสำคัญดังต่อไปนี้เพื่อการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในการป้องกันมะเร็งในสตรีในประเทศไทย การป้องกันโรคในระดับปฐมภูมิด้วยการดำเนินการโครงการเสริมภูมิคุ้มกันฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วประเทศและทุติยภูมิด้วยโครงการคัดกรองประชากรทั่วทั้งประเทศ (สําหรับมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม) การจัดให้มีโครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมที่เป็นระบบให้กับประชากร และการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องแมมโมแกรมตามความเสี่ยง

การขยายกำลังบุคคลากรทางสุขภาพ ศักยภาพของเครื่องมือ การกระจายและให้บริการเครื่องมือมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตรวจคัดกรอง การให้ความสําคัญในการเพิ่มการเข้าถึงการรักษาตามมาตรฐานสากล

การเสริมสร้างบทบาทขององค์กรผู้ป่วยในการที่จะได้รับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาแผนควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ (NCCPs) และข้อแนะนําทางคลินิก

นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า “โรคมะเร็งเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี ทำให้เกิดการสูญเสียประชากรก่อนวัยอันควร และเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านมและโรคมะเร็งปากมดลูก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอีกด้วย ด้วยเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นแก้ปัญหาโรคมะเร็งจากการลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบาย “มะเร็งครบวงจร” ซึ่งเป็นนโยบายที่ครอบคลุมตั้งแต่ ด้านการส่งเสริม การป้องกัน การคัดกรอง การวินิจฉัยและรักษา ตลอดจนการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง อันจะนำมาสู่ประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนที่จะได้รับบริการอย่างครบวงจร”

ปัจจุบัน สถาบันมะเร็งแห่งชาติมีการสนับสนุนและแนะนำให้มีการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม 3 ช่องทาง คือการตรวจเต้านมโดยแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรม (Clinical Breast Examination) การตรวจเต้านมด้วยตนเอง (Breast Self-Examination) และการตรวจด้วยเครื่องถ่ายภาพรังสีเต้านม (Mammography) เพื่อให้ผู้ที่มีความเสี่ยงเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยและรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

ในปี 2548 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ภายใต้ความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ผลักดันโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกให้กับผู้หญิงไทย อายุ 30-60 ปี ในปี 2562 การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA Test ประชาชนสามารถรับบริการที่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการหรือหากไม่สะดวก สามารถใช้วิธีเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตัวเอง (HPV Self-Sampling) แล้วนำส่งตรวจในสถานพยาบาลได้ จากการดำเนินโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมาอย่างต่อเนื่องกว่า 17 ปี ทำให้ผู้หญิงไทยมากกว่า 20 ล้านคนได้รับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงแนวทางในการจัดการปัญหาโรคมะเร็งสตรีร่วมกับทุกภาคส่วนตั้งแต่การให้ความรู้ประชาชนผ่านกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ (กปท.) การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวีแก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และกำลังจะขยายไปในกลุ่มอายุ 11-20 ปีตามนโยบายของรัฐบาล ด้านการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA test ผู้หญิงไทยสามารถเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตัวเอง (HPV Self-Sampling) หรือไปรับบริการที่หน่วยบริการใกล้บ้านก็ได้

สำหรับการคัดกรองมะเร็งเต้านม คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้เพิ่ม “บริการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม BRCA1/BRCA2” ให้กับหญิงไทยอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูง และญาติสายตรงที่มีประวัติครอบครัวตรวจพบยีนกลายพันธุ์ ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา และการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องแมมโมแกรมตามความเสี่ยงกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาความพร้อมของระบบบริการ

ในด้านการรักษาโรคมะเร็ง สปสช. ได้ประกาศให้ประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) สามารถไปรับบริการที่ไหนก็ได้ (CA anywhere) เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาของผู้ป่วยมะเร็ง นอกจากนี้ สปสช. กำลังทำงานร่วมกับคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ในการเพิ่มรายการยารักษามะเร็งที่เป็นยาชีววัตถุ หรือยามุ่งเป้าที่มีประสิทธิผลดีเข้ามาในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เบื้องต้นที่ใกล้ความเป็นจริงเป็นยารักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลามที่ช่วยให้โรคสงบได้กว่า 5 ปี

นอกเหนือจากนโยบายรัฐในปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีโอกาสอยู่อีกมากในการพัฒนาระบบสาธารณสุขโดยเฉพาะในด้านมะเร็งในสตรี โรคมะเร็งเต้านมถือเป็นปัญหาที่สำคัญเช่นกัน ด้วยความก้าวหน้าทางสาธารณสุขทำให้ประชากรมีอายุยืนยาวมากขึ้น อีกทั้งวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของประชากร เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหารไขมันสูง ดื่มสุรา และขาดการออกกำลังกายหรือมีภาวะโรคอ้วน เป็นต้น ทำให้โรคมะเร็งเต้านมมีแนวโน้มอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี รศ. พญ. เยาวนุช คงด่าน นายกสมาคมโรคเต้านมแห่งประเทศไทย ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของทุกภาคส่วน ในการช่วยให้ผู้หญิงไทยเข้าถึงการบริการป้องกัน ตรวจคัดกรอง การผ่าตัด การรักษาโรคมะเร็งเต้านม และโดยเฉพาะที่เดือนตุลาคม เป็นเดือนแห่งการสร้างความตระหนักรู้ในโรคดังกล่าว สมาคมจึงมีข้อเสนอเชิงนโยบายดังนี้

(1.) การวางแผนเชิงระบบ โดยผลักดันการสร้างและใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลระดับชาติ (national data registry) เพื่อวางแผนเพื่อการพัฒนาและสร้างตัวชี้วัดจากสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม

(2.) ส่งเสริมการเข้าถึงการวินิจฉัยในระยะเวลาที่เหมาะสม และเข้าถึงการรักษา รวมถึงยานวัตกรรมที่ใช้รักษาโรคมะเร็งเต้านมอย่างเท่าเทียมตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะระยะเริ่มต้น เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการกลับมาเกิดซ้ำของโรค และยังช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ และลดการแออัดในโรงพยาบาลได้อีกด้วย

(3.) พัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยมะเร็งโดยองค์รวมที่สามารถดำเนินการได้จริงให้ได้ตามมาตรฐานสากล ไปพร้อมกับการพัฒนาแนวทางการดูแลรักษาระดับชาติ และการเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ

ในส่วนของมะเร็งปากมดลูก รศ.นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ นายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทยกล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาล และเป็นไปตามเป้าหมายขององค์กรอนามัยโลก (WHO) ในการกำจัดมะเร็งปากมดลูกให้หมดสิ้นไปภายในปี 2030 ดังนั้น การดำเนินการตามสองมาตรการที่สำคัญนั้นคือ

(1) การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกให้ได้เกิน 70% ด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV (primary HPV screening) ซึ่งการเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตัวเอง (HPV Self-Sampling) สามารถที่จะเติมเต็มและขยายวงการตรวจการคัดกรองให้กว้างขึ้นได้

(2) การฉีดวัคซีน HPV ให้กับกลุ่มเป้าหมายเด็กผู้หญิงวัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

รมว.ธรรมนัส ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี

รมว.ธรรมนัส ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำเขื่อ […]

You May Like

Subscribe US Now