“ธรรมนัส” คิกออฟแจก “โฉนดเพื่อการเกษตร” 25,000 ฉบับทั่วประเทศ 15 ม.ค.นี้ เป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้เกษตรกร ยัน ไม่ได้เอื้อกลุ่มทุน ลุ้นได้สินเชื่อ ธ.ก.ส.เกิน 50% ใช้โฉนดเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวผู้ต้องหา
วันที่ 10 ม.ค. 2567 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานแถลงข่าว “คิกออฟแจกโฉนดเพื่อการเกษตร” จำนวน 22,079,407.67 ไร่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 15 ม.ค. 2567 ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร ต.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตกรรรม (ส.ป.ก.) และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม
โดยภายในงาน ร.อ.ธรรมนัส ได้กล่าวถึงไทม์ไลน์ ของการแจกโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร ว่า สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาล ที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา ว่า ต้องการยกฐานะคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรให้ดีขึ้นด้วยการเพิ่มมูลค่าหรือทรัพย์สิน นายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้ขับเคลื่อนสินทรัพย์ประเภท ส.ป.ก.ให้มีมูลค่าเพื่อยกฐานะพี่น้องเกษตรกรให้มีฐานะ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
จากนั้น ตนเอง นายไชยา พรหมา และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มอบนโยบายให้เลขาธิการ ส.ป.ก. ศึกษาว่าการยกฐานะของ ส.ป.ก.4-01 ให้มีมูลค่ากับพี่น้องประชาชน ซึ่งมีการประกาศระเบียบเปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร
“ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนระเบียบหรือแก้กฎหมายก็จะเป็นประเด็นทางการเมืองตลอด ใครที่มานั่งตรงนี้ต้องยอมรับชะตากรรม หากไม่กล้าทำก็อยู่ที่เดิมทำงานตามรูทีน การตัดสินใจแก้ระเบียบจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เราทำเพื่อประชาชน ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อกลุ่มทุน หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง”
ทั้งนี้ ที่ดิน ส.ป.ก.4-01 จำนวน 22,079,407.67 ไร่ มีเกษตรกรที่เข้าเงื่อนไข จำนวน 1,628,520 ราย เป็นกลุ่มที่เข้าหลักเกณฑ์ถือครองที่ทำกินมาเกิน 5 ปี จะต้องไปขึ้นทะเบียนตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อรับโอกาสเปลี่ยนให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มทุนและนอมินีเข้ามาครอบครอง ส่วนพี่น้องประชาชนในชนบทที่เข้าไม่ถึงข้อมูลจะมีเจ้าหน้าที่แต่ละจังหวัดลงพื้นที่ทำงานเชิงรุกด้วย
ขณะที่การประกอบอาชีพในพื้นที่โฉนดเพื่อการเกษตร สามารถเปลี่ยนมือได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร หรือผู้ที่ทำกิจการที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนภาคการเกษตร เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านค้า โรงงานแปรรูป ที่พักอาศัยสำหรับเกษตรกร โดยที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ที่แปลงเป็นโฉนดเพื่อการเกษตร มีเงื่อนไขว่าจะต้องปลูกไม้เศรษฐกิจ ประเภทไม้พยุง ไม้ตะเคียน หรือไม้อื่น ๆ ที่มีราคา เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรด้วย
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับการยางแห่งประเทศไทยในการออกโฉนดต้นยาง เป็นเอกสารสิทธิ์ที่สำแดงว่ามีทรัพย์สินที่มีมูลค่า เบื้องต้นประเมินว่าต้นยางมีมูลค่าตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป หากเกษตรกรปลูกไร่ละ 50-70 ต้น ก็จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 35,000 บาทต่อไร่
ซึ่งการจัดแถลงข่าววันนี้เพื่อต้องการให้พี่น้องสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ ว่าในวันที่ 15 ม.ค. 2567 จะ ทำการคิกออฟแจกโฉนดเพื่อการเกษตรให้กับพี่น้องเกษตรกรผู้ถือครอง รวมถึงผู้ทำกินในเขตปฏิรูปที่ดินที่ครบ 5 ปีแล้ว ถือเป็นของขวัญปีใหม่ตามที่เคยนำเสนอผ่านทางสื่อมวลชนไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้เมื่อวาน (9 ม.ค. 2567) ตนได้มีโอกาสพา ผู้อำนวยการ ใหญ่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยได้คุยถึงเรื่องการที่จะเปลี่ยนสปก 4-01 ให้กับพี่น้องเกษตรกร โดยนายกฯ ต้องการทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันสั้นไม่ให้นานถึง 5 ปี ไม่ทันในยุคที่ท่านเป็นนายกฯ จึงทำให้ต้องกลับมาทำการบ้าน ว่าจะเร่งทำเปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01 ที่ครบ 5 ปีแล้วให้เกษตรกรภายในกรอบเวลาที่เร็วที่สุด ดังนั้น ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจึง Kick Off ให้พี่น้องเกษตรกรในจังหวัดปริมณฑล ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเนื่องจากพื้นที่นี้เป็นโฉนด ส.ป.ก. 4-01 ฉบับแรก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มอบให้กับเกษตรกร ในขณะเดียวกันอีก 76 จังหวัดประเทศ จะมีการถ่ายทอดสดพร้อมกัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และ ส.ป.ก.จังหวัด รวมถึงผู้แทนประชาชน เป็นตัวแทนรับมอบกันทั่วประเทศไทย
สำหรับระยะเวลาในการเปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01 ให้เกษตรกรภายในกรอบเวลาที่เร็วที่สุดนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ต้องมาศึกษาอีครั้ง ว่า ในการเร่งการออกโฉนดต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ “เร็วหรือช้าอยู่ที่งบประมาณ” เงินในกองทุนมีเพียงพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอจะต้องหารือกับทางสำนักงบประมาณ และหารือกับนายกฯ อีกครั้ง
ส่วนในแง่ของเศรษฐกิจ จากการประเมินคร่าวๆ ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 กรมธนารักษ์รับตีราคาเท่ากับ 50 % แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น โฉนดเพื่อการเกษตรจะมีมูลค่าเพิ่มเป็นเท่าตัวคือประมาณ 90 % ถึง 100 % ซึ่งยังไม่รวมทรัพย์สินที่อยู่บนที่ดินด้วย ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยไม่ถูกเอาเปรียบในการประเมินราคาและในการเปลี่ยนมือ ในการทำกิจกรรม กิจการที่เกี่ยวกับการเกษตรสามารถทำได้กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้ ไม่ว่าทจะเป็นภาคปศุสัตว์ หรือ ประมง
ส่วนเรื่องการกำชับการปิดช่องโหว่ที่จะเกิดขึ้น โดยกลุ่มทุนใช้นอมินีในการรับสิทธิ์ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จะมีเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ โดยตนจะใช้เงินกองทุนในการจ้างบุคลากรเข้ามาเป็นฝ่ายตรวจสอบทั้ง 76 จังหวัด ในการกรองว่าแต่ละรายที่ได้รับมอบโฉนดเป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่ โดยได้มอบนโยบายให้ เลขา ส.ปก.ไปดำเนินกาาแล้ว หากพบว่าไม่จริงจะต้องโทษอาญาและยึดที่ดินคืนทันที
ด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กล่าวว่า การเปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตรต้องถูกกฎหมาย ที่ผ่านมาเราตั้งคณะอนุกรรมการปรับปรุงระเบียบ มีอัยการ อดีตรัฐมนตรี อดีตเลขา ส.ป.ก.เข้าร่วมด้วย ถือเป็นการนับหนึ่งทางกฎหมายได้ถูกต้อง จากนี้ สป.ก.คงต้องปรับโครงสร้างให้คล่องแคล่วมากยิ่งขึ้นส่วนการเพิ่มมูลค่าได้คุยกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้เกษตรกรที่ถือครองที่ดิน ได้สินเชื่อเกิน 50% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของที่ดินด้วย พร้อมทั้งสามารถนำโฉนดเพื่อการเกษตรไปหลักทรัพย์ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ในวันที่ 15 ม.ค. 2567 จะคิกออฟมอบโฉนดเพื่อการเกษตรพร้อมกันทั่วประเทศ 25,000 ฉบับ โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานมอบโฉนดเพื่อการเกษตรจำนวน 1,000 ฉบับ ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน
