วันที่ 28 มิถุนายน 2567 ณ อาคารศูนย์การเรียนรู้ ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงจำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ภาครัฐและเอกชน ทั้งผู้บริหารและพนักงานจิตอาสากลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง พร้อมด้วยพันธมิตรจาก สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด, บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดกิจกรรมเก็บขยะชายหาดและปลูกป่าชายเลน ในโครงการ “INSEE Green Heart Plus Club” ของกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยการลงพื้นที่เก็บขยะชายหาดบริเวณปากน้ำประแส เป็นระยะทางยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร และร่วมกันปลูกต้นโกงกาง 550 ต้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 55 ปี ปูนซีเมนต์นครหลวง
นายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ ปูนอินทรี เปิดเผยว่า ปูนซีเมนต์นครหลวง ให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นดำเนินงานตลอด 55 ปี ของการก่อตั้งธุรกิจในประเทศไทย ทั้งการสร้างคุณค่าด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีคุณค่า และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมเก็บขยะชายหาดและปลูกป่าชายเลน ภายใต้โครงการ INSEE Green Heart Plus เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ ปูนซีเมนต์นครหลวง ให้ความสำคัญและจัดกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อช่วยสร้างความตระหนักในการรักษาความสมดุลของธรรมชาติ ลดปริมาณขยะไม่ให้หลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อมผ่านการนำขยะที่ได้เข้าสู่ในกระบวนการเผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์
(Co-processing) และเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานเชื้อเพลิง (Refuse derived fuel : RDF) อีกทั้งมุ่งสร้างจิตสำนึกการแก้ปัญหาขยะในทะเลอย่างยั่งยืน
จากรายงานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้เผยข้อมูลตัวเลขขยะตกค้างชายฝั่งที่จัดเก็บส่วนใหญ่เป็นขยะพลาสติกมากถึง 81% ส่วนใหญ่เป็นถุงพลาสติก ขวดพลาสติก และบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร ขณะที่ กรมควบคุมมลพิษ ในปี 2564 พบในพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเลมีขยะมูลฝอย ปริมาณ 10.89 ล้านตัน จำนวนนี้เป็นขยะที่กําจัดอย่างไม่ถูกต้องมากถึง 2.66 ล้านตัน
“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลกทำให้ทุกภาคส่วนต้องเร่งให้ความสำคัญและลงมือทำ โดยกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง มุ่งมั่นในแนวทางความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินกิจกรรมเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นสร้างความมีส่วนร่วมของพนักงาน และภาคีเครือข่ายหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินงานด้านปัญหาขยะ ควบคู่ไปกับการจัดการที่ถูกต้อง ตามเป้าหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างต่อเนื่องในทุกกิจกรรมของบริษัท เพื่อสร้างความยั่งยืนในการอยู่ร่วมกันกับชุมชน สังคม และกับทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2573” นายมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ ป่าชายเลนปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง เป็นพื้นที่ของกรมทรัพยากรทางทะเลฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขนาด 6,000 ไร่ นับเป็นผืนป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในภาคตะวันออกที่เคยถูกทำลายจากการบุกรุกของนากุ้งและการขยายตัวของชุมชนจนเป็นป่าเสื่อมโทรม ภาครัฐจึงได้ร่วมมือกับชุมชนและภาคเอกชน ทำการฟื้นฟูป่าชายเลนให้กลับมามีสภาพที่สมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งป่าชายเลนเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำในระยะตัวอ่อน อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหาร หลบภัย และสืบพันธุ์ให้กับสัตว์น้ำนานาชนิด การปลูกป่าชายเลนนี้จะช่วยป้องกันการพังทลายของชายฝั่ง รักษาความสมดุลของระบบชายฝั่ง และระบบนิเวศใกล้เคียง และช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ
สำหรับขยะที่จัดเก็บจะนำมารวมกันแล้วทำการชั่งน้ำหนักในปีนี้ ได้ปริมาณรวมกว่า 862 กิโลกรัม คัดแยกเป็นขยะที่เผาไหม้ได้ประมาณ 166 กิโลกรัม โดยบริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ผู้นำด้านการให้บริการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ และการบริการภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน จะนำขยะที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ (non-recyclable) มาใช้เป็นเชื้อเพลิงขยะ (Refuse derived fuel : RDF) โดยเข้าสู่ในกระบวนการเผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์ (Co-processing) ได้ซึ่งจะทำให้ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และขยะตกค้างสะสมที่อาจหลุดรอดสู่ทะเลมีปริมาณที่น้อยลง