“ตามรอยพ่อฯ” ก้าวสู่ปีที่ 9 ตอกย้ำบทบาท “สื่อพอดี”เดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจและองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาให้คนไทยสู้ทุกวิกฤตอย่างยั่งยืนจัดกิจกรรมรณรงค์ควบคู่การสร้างองค์ความรู้ผ่านบทเรียนออนไลน์“คู่มือสู่วิถีกสิกรรมธรรมชาติ”

โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน”(ตามรอยพ่อฯ) เดินหน้าสู่ปีที่ 9 ร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 มุ่งทำหน้าที่ “สื่อพอดี”ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแก่ชาวไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจสู่การลงมือปฏิบัติอันจะเป็นเกราะป้องกันจากวิกฤตโควิด-19 และวิกฤตอื่นๆ ได้อย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด “9 ปี แห่งพลังสามัคคี ฟันฝ่าทุกวิกฤต สู่ทางรอดที่ยั่งยืน”ด้วยการจัดทำบทเรียนออนไลน์ “คู่มือสู่วิถี กสิกรรมธรรมชาติ”เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาทฤษฎีและแนวทางการปฏิบัติพร้อมด้วยคลิปให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจจาก 7 บรมครูเผยแพร่บน เว็บไซต์ ของและเฟซบุ๊กของโครงการฯควบคู่กับการจัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีที่จังหวัดนครราชสีมาและพระนครศรีอยุธยา และกิจกรรมประกาศความสำเร็จ 9ปีของโครงการที่จังหวัดสระบุรี และรายการ “เจาะใจ”โดยวางมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของผู้ร่วมกิจกรรมอย่างเข้มข้นจัดทัพรับมือโรคระบาด

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลกและผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้พระราชทานข้อความ ‘สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย’ เตือนสติคนไทยผ่าน2ส.ค.ส. ปี พ.ศ. 2547ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะทำงานยึดมั่นถือมั่นในการทำงานอย่างมีสติมาตลอดระยะเวลา 9
ปี ของการดำเนินโครงการตามรอยพ่อฯ ซึ่งไม่ว่าจะเกิดปัญหาหรือวิกฤตใดก็ตามทั้งวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม โรคระบาด ภัยแล้ง หมอกควัน วิกฤตด้านเศรษฐกิจวิกฤตด้านความเหลื่อมล้ำทางสังคม และวิกฤตด้านการเมือง ศาสตร์พระราชา คือองค์ความรู้ในการจัดการ ดิน น้ำ ป่า และพัฒนาคนก็จะเป็นทางรอดที่ยั่งยืนในทุกวิกฤต ทำให้เราสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างพอกินพอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น ทั้งยังสามารถแบ่งปันและสร้างรายได้เป็นการสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก ความอดอยากขาดแคลนอาหารในโลกจะมีขึ้นอย่างแน่นอนคนที่แม้ไม่เจ็บป่วยก็จะได้รับผลกระทบจากการไม่มีอาหารกินฉะนั้นจึงต้องสร้างฐาน 4 พอ คือ พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็น ให้แน่นให้พึ่งตนเองให้ได้จริง ต้องมั่นคงแข็งแรงพอจึงจะมีกำลังไปช่วยคนอื่นให้รอดไปด้วยกันโดยเชื่อมั่นว่าความสามัคคีของเครือข่ายและคนไทยทุกคนจะเป็นพลังให้เรารอดจากทุกวิกฤตได้อย่างยั่งยืน”

นายไตรภพ โคตรวงษา ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า“เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างยิ่งกับคนไทยทุกคนมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติและเครือข่ายจึงได้เตรียมการวางแผนรับมือกับวิกฤตในครั้งนี้ เบื้องต้นได้จัดทัพรับมือโรคระบาด โดยแบ่งทีมทำงานออกเป็น 5 ทีม ได้แก่1. ทีมบวร (บ้าน วัด โรงเรียน)มีหน้าที่รวมรวมข้อมูลแปลงของสมาชิกเครือข่ายทั้งหมดในแต่ละจังหวัดรวมทั้งวัด โรงเรียน ชุมชนเพื่อเก็บข้อมูลของทุกศูนย์และแปลงของสมาชิกเครือข่ายหากเกิดการล็อกดาวน์จะใช้ข้อมูลนี้ให้ความช่วยเหลือกันได้ตั้งแต่ระดับหมู่บ้านจนถึงระดับลุ่มน้ำ2. ทีม CMS (Crisis Management Survival Camp) มีหน้าที่เก็บข้อมูลวิเคราะห์ข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์
แจ้งเตือนภัย3เพื่อพัฒนาและเตรียมพร้อมไปสู่ขั้นการเป็นศูนย์พักพิงหลุมหลบภัยหรืออาจไปถึงขั้นเป็น Hospitel ทั้งในระดับ เล็ก(บ้าน) กลาง ใหญ่โดยยึดหลักป้องกันบำบัด ฟื้นฟู3. ทีมพอรักษา มุ่งเป้าเร่งด่วนเรื่องโควิด-19 โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ป้องกัน(ผู้ไม่ป่วย) บำบัด (ผู้ที่ป่วยอยู่) และฟื้นฟู (ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว)โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารและยาที่ควรใช้ รวมถึงเทคนิคต่าง ๆตามข้อมูลจากทางแพทย์แผนปัจจุบัน-ไทย-จีนและทางเลือกอื่น ๆ4. ทีมสื่อพอดี มีหน้าที่นำข้อมูลของทั้ง 3 ทีม มาสื่อสารต่อยอดและเผยแพร่เพื่อให้ข้อมูล ให้ความรู้ แนะทางออก ผ่านช่องทางทางการเผยแพร่ต่าง ๆ5. ทีมข้อมูล มีหน้าที่จัดการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลและออกแบบการจัดเก็บข้อมูเพื่อใช้ในการบริหารจัดการและขับเคลื่อนเครือข่ายเพื่อฝ่าวิกฤตที่กำลังเผชิญในปัจจุบันและอนาคตในภาวะวิกฤตเช่นนี้เราไม่ควรรอความหวังหรือความช่วยเหลือจากหน่วยงานไหน ต้องพึ่งพาตัวเองและพึ่งพากันเองให้ได้มากที่สุด

เชื่อมั่นว่าความสามัคคีของเครือข่ายและคนไทยทุกคนจะเป็นพลังให้เรารอดจากทุกวิกฤตได้อย่างยั่งยืนโดยที่ผ่านมาเราได้เปิดรับศิษย์ เครือข่าย คนมีใจและประชาชนที่สนใจมาเป็นอาสาสมัครให้กับทีมงานขับเคลื่อนทั้ง 5ทีมตามความถนัดเฉพาะด้านของแต่ละคนซึ่งการรวมกันเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งและพึ่งพากันในยามวิกฤตด้วยองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาจะทำให้เราทุกคนอยู่รอดปลอดภัย”ตามรอยพ่อฯ ปี 9 เดินหน้าภารกิจ “สื่อพอดี”ด้าน นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิตจำกัด เปิดเผยว่า “โครงการตามรอยพ่อฯพร้อมที่จะเข้าไปเสริมและสนับสนุนทธศาสตร์การเตรียมการรับมือวิกฤตโควิด-19 ของมูลนิธิฯ อย่างเต็มที่

ในฐานะสื่อพอดีเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกิดการนำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาไปลงมือปฏิ4บัติจนเกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่โครงการตามรอยพ่อฯดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปีนี้เป็นปีที่ 9ผ่านกิจกรรมลงพื้นที่และการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากทั่วประเทศกว่า 20,000คนและยังมีผู้ที่ได้รับความรู้และแรงบันดาลใจจากสื่อที่โครงการผลิตขึ้นอีกมากมายโดยเราจะมุ่งทำหน้าที่นี้อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องเพื่อสื่อสารว่าศาสตร์พระราชาคือทางรอดจากทุกวิกฤตอย่างแท้จริงทั้งนี้ โครงการตามรอยพ่อฯ ปี 9 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘9 ปี แห่งพลังสามัคคีฟันฝ่าทุกวิกฤต สู่ทางรอดที่ยั่งยืน’ จะเดินหน้าจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบโดยเน้นช่องทางออนไลน์เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

โดยมีไฮไลท์คือการจัดทำบทเรียนออนไลน์คู่มือสู่วิถีกสิกรรมธรรมชาติในรูปแบบบทความและวีดิทัศน์บอกเล่าเนื้อหาเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงครอบคลุมทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ รวม 14 บทเพื่อให้ผู้สนใจสามารถนำองค์ความรู้ไปลงมือทำเองได้หากติดขัดหรือสงสัยเรามีช่องทางถามตอบในสื่อออนไลน์ของโครงการทั้งเว็บไซต์เฟซบุ๊กและไลน์ (@inspiredbytheking)นอกจากนั้น โครงการตามรอยพ่อฯ ปี9ยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมเอามื้อสามัคคีที่ จ.นครราชสีมา และพระนครศรีอยุธยา ณพื้นที่ของคนมีใจที่นำศาสตร์พระราชาไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จเพื่อให้ผู้สนใจได้มาเรียนรู้และเกิดแรงบันดาลใจผ่านการทำกิจกรรมลงแขกอย่างโบราณ และยังกำหนดจะจัดงานสรุปผลการดำเนินโครงการ 9 ปี ที่สวนล้อมศรีรินทร์ จ.สระบุรี ที่เป็นจุดเริ่มต้นโครงการอีกด้วยโดยจะวางมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยและการเว้นระยะห่างของผู้ร่วมกิจกรรมอย่างเข้มข้นและส่งท้ายด้วยการรวบรวมคนต้นแบบและบรมครูผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการฯ ตลอดทั้ง 9 ปีเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความประทับใจในรายการเจาะใจซึ่งจะออกอากาศทางช่องMCOT HD”สร้างความมั่นคงทางอาหาร สู้วิกฤตด้านนายโจน จันใด ผู้ก่อตั้งสวนพันพรรณศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพึ่งตนเองและศูนย์เมล็ดพันธุ์ และประธานธรรมธุรกิจกล่าวแนะนำการดำเนินชีวิตในช่วงวิกฤตโรคระบาดนี้ว่า“เราประเมินไม่ได้ว่าเหตุการณ์จะยาวนานขนาดไหนการรอให้เศรษฐกิจดีขึ้นแล้วหวังว่าเราจะดีขึ้นเอง ก็ดูจะเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆที่แทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรจะทำ คือการกลับมาคิดถึงการพึ่งตนเองในเรื่องของอาหารเป็นอันดับแรกเราจะหาอาหารมาจากไหน ถ้าอยู่ในเมืองก็อาจต้องคิดถึงการปลูกอาหารเองง่าย ๆเช่น การเพาะถั่วงอก หรือการปลูกผักแนวตั้งอีกวิธีหนึ่งคือการเชื่อมต่อกับกลุ่มเกษตรกรที่เขาทำอยู่แล้ว ให้เขาส่งวัตถุดิบมาให้ซึ่งควรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสภาวะปกติด้วยที่เราควรจะรู้แหล่งที่มาของอาหารที่เราบริโภคฉะนั้นการเชื่อมต่อกันอีกครั้งจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในสภาวะปัจจุบันการหันกลับมาพึ่งตนเองมากขึ้น กลับมาพึ่งกันเองมากขึ้นต่อให้ระบบพังหรืออะไรจะเกิดขึ้นเราก็ยังอยู่ได้นี่คือแนวทางที่เราควรจะต้องกลับมาใคร่ครวญพิจารณาเครือข่ายของเรามีครบทุกอย่างไม่ว่าจะข้าว ปลา กะปิ เกลือ ผัก ฯลฯและยิ่งถ้าคนสนใจทำแบบนี้มากขึ้นจะทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจแนวใหม่ระบบการค้าแนวใหม่ ที่ทำให้คนได้คุยกันตรงมากขึ้นโดยไม่อ้อมนี่คือสิ่งที่ผมเห็นว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี่คือแนวโน้มที่จะทำให้เราอยู่ได้ในช่วงโควิด-19”ผู้ที่สนใจติดตามกิจกรรมในโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลกรวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ได้

ทางwww.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking หรือดูรายละเอียดที่
https://ajourneyinspiredbytheking.org

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ วิรดา อนุเทียนชัย 08-1804-5493

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Next Post

ผู้บริหารบริษัท เฟอร์นิช ดีไซน์ กรุ๊ป จำกัด เข้า มอบหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และถุงมือยาง ให้แก่ศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภายในมหาวิทยาลัยรังสิต

วันที่ 9 มิถุนายน 2564 คุณธีรภัทร์ มีเดช ประธานกรร […]

You May Like

Subscribe US Now