สัมภาษณ์พิเศษ : เปิดใจ ‘จ้าว เหว่ย’ เป้าหมายที่แท้จริงในการพัฒนา ‘สามเหลี่ยมทองคำ’
นายจ้าว เหว่ย ประธานสภาเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ให้สัมภาษณ์กับคณะสื่อมวลชนไทย ที่เดินทางไปดูงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษฯใน สปป.ลาว ว่า ณ ปัจจุบัน ต้องถือว่าการลงทุนพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในช่วงที่ผ่านมาคืบหน้าได้อย่างรวดเร็วมาก แม้จะเจอกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 แต่ทางเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ก็ได้ดำเนินงานในด้านต่างๆ แบบไม่ได้มีวันหยุด โดยทำควบคู่ไปกับการระมัดระวังการแพร่ระบาด ซึ่งในกรณีที่มีเจ้าหน้าที่รายใดติดโควิด ก็จะมีการดูแลให้พักรักษา และกักตัวตามมาตรฐานความปลอดภัยของแพทย์ตามระบบสาธารณสุข ส่วนผู้ที่ไม่ได้ป่วยไข้ก็ผลัดเปลี่ยนทำงานตามปกติ ทำให้โครงการมีความคืบหน้าแม้ว่าอาจจะเสียเวลาไปบ้าง แต่มาถึงวันนี้ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โครงการพัฒนาก็ได้เดินหน้าอย่างเต็มที่ และสอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้ ว่าจะมุ่งพัฒนาให้เป็นเมืองเศรษฐกิจที่เติบโตยิ่งๆ ขึ้นไป บนพื้นฐานยึดถือผลประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ให้มากที่สุด
“ในตอนนี้ สำหรับกลุ่มธุรกิจที่สนใจเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของเรา พบว่ามีทั้งนักธุรกิจ และคนไทยได้ให้ความสนใจเดินทางมาเยี่ยมชมจำนวนมาก เนื่องจากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนไทยที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ว่าเป็นพื้นที่สำหรับพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของลาวในอนาคต ทำให้เริ่มสนใจที่จะเข้ามา ซึ่งทางเราเองก็ให้ความสนใจสำหรับนักลงทุนไทยเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันก็ยังมีกลุ่มธุรกิจประเทศอื่นๆ ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนเช่นกัน ซึ่งก็มีทั้ง จีน ลาว เมียนมา ซึ่งทางเรายินดีต้อนรับทั้งหมด โดยเฉพาะไทย”
นายจ้าว เหว่ย ยังได้กล่าวถึง การกระตุ้นการท่องเที่ยวของเขตเศรษฐกิจพิเศษ ว่า การจัดงานเทศกาลดอกงิ้วบาน ขึ้นมาในช่วงนี้ ต้องถือว่าประสบความสำเร็จในการเชิญชวนและเปิดตัวรับนักลุงทุนนักท่องเที่ยว ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการเข้ามาลงทุนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ที่มองถึงการลงทุนและการมีผลสำเร็จตอบแทนที่ดีในระยะยาว ดังนั้นการพัฒนาให้เป็นจุดท่องเที่ยวที่ดี ครบวงจร จึงถือเป็นอีกเป้าหมายที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสมัยก่อนถ้าพูดถึงสามเหลี่ยมทองคำ จะถูกมองเป็นภาพลบ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหน้าที่ของทางเราที่จะต้องพยายามปรับภาพลักษณ์มุมมองดังกล่าวให้เป็นบวกขึ้นมา โดยที่มีการบ้านสำคัญว่าจะพัฒนาให้เป็นจุดดีด้านเศรษฐกิจอย่างไร และพัฒนาให้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวการลงทุนที่ดีขึ้นได้อย่างไร
“ช่วงนี้เราต้องแข่งกับเวลา เพราะเสียเวลาเสียโอกาสช่วงโควิดไปแล้ว จึงต้องรีบพัฒนา และใช้โอกาสที่เข้ามาอย่างเต็มที่ ยกตัวอย่างเมื่อวันก่อนก็ได้ร่วมหารือกับกลุ่ม สิบสองปันนาของจีน เพื่อมีนโยบายร่วมกันด้านการท่องเที่ยว ทั้งทางบก ทางน้ำ ซึ่งทาง สิบสองปันนา จะเตรียมรถบัส 100 คัน เพื่อรองรับและเข้ามาทางเขตเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นการที่มีคนจีนมาท่องเที่ยวที่นี่มากขึ้น ในขณะที่เป้าหมายต่อไปคือจะต้องเชื่อมต่อประเทศไทย เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญระหว่างกัน ก็จะยิ่งเป็นเรื่องที่ดี ส่วนในเรื่องของมาตรการระวังป้องกันนั้น หากว่าทางประเทศไทยมีการรีเช็ค ตรวจสอบ แล้วพบว่าไม่ได้เป็นคนที่มีสิ่งผิดกฎหมาย หรือไม่ได้ติดแบล็คลิสต์ ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวต่อในประเทศไทยได้เลย อย่างไรก็ตาม เรื่องของขั้นตอนและการประสานความร่วมมือต่อยอดให้เกิดขึ้นได้จริง เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการร่วมมือกัน เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย คือ ไม่ได้กระตุ้นแค่เฉพาะการท่องเที่ยวของลาว ของเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ แต่รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยด้วย”
นายจ้าว เหว่ย ได้ยืนยันว่า ตนเองและเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวไทย และนักท่องเที่ยวทั่วไปทุกชาติ โดยมีเป้าหมายในการที่จะมีการบูรณาการด้านต่างๆให้ดีในการรองรับนักท่องเที่ยว รวมถึงเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทาง ต่างๆ แต่ทั้งหมดก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายของ สปป.ลาว ซึ่งจะให้มีสิ่งผิดกฎหมายไม่ได้ ดังนั้นนอกจากจะให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวทุกชาติแล้ว ยืนยันว่าให้ความสำคัญกับนักลงทุนไทยด้วย และถือเป็นกลุ่มหลักกลุ่มแรกในการมาท่องเที่ยว มาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ
“เราจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จ 100% ก่อน จากนั้นคือการทำเป็นเมืองท่องเที่ยว เพื่อให้คนทั่วไปยอมรับ โดยจะเชิญบริษัททัวร์และด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้านท่องเที่ยวมาจดทะเบียน นอกจากนี้จะชวนนักลงทุนด้านการเกษตร การขนส่ง ลอจิสติกส์ต่างๆ ด้วย โดยใช้ต้นทุนไม่สูง ซึ่งในการจัดงานดอกงิ้วบานครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีมาก เพราะมีนักธุรกิจจากหลายประเทศกว่า 100 ราย เข้ามาร่วมงานด้วย และทุกคนที่มาก็สนใจลงทุนทั้งด้านการเกษตร และการค้าอื่นๆ” นายจ้าว เหว่ย กล่าวถึงเป้าหมายของเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ จากนี้ไป”
ประธานฯ จ้าว เหว่ย ยังย้ำด้วยว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษนี้จะเป็นที่ตั้งของเศรษฐกิจดิจิตัล เพื่อให้ทันยุคทันสมัยต่อไป รองรับทั้งด้านการเงิน การธนาคาร และเทคโนโลยีต่างๆด้วย โดยในอนาคต มีเป้าหมายที่ต้องการให้เขตเศรษฐกิจพิเศษฯ แห่งนี้สามารถยกสถานะเป็นเมือง หรือเขตบริหารพิเศษที่ครบครัน ซึ่งทางรัฐบาล สปป.ลาว อาจจะให้มีการจัดตั้งศาลในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ เป็นการเฉพาะ เพื่อให้สามารถตัดสินคดีความต่างๆ ที่นี่ได้เลย โดยที่ศาลจะสามารถควบคุมดูแลได้อย่างยุติธรรม
สุดท้ายสำหรับประเด็นอ่อนไหวในเรื่องที่นายจ้าว เหว่ย และธุรกิจบางอย่างในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ถูกมองในแง่ลบนั้น นายจ้าว เหว่ย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ เพราะที่ผ่านมามักมีการใช้กลยุทธ์หลอกลวง และโจมตีประเทศนั้นๆ ถ้าประเทศนั้นไม่ใช้เงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตามคนจีนได้มีการรณรงค์กันว่าให้ร่วมมือไปด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพัฒนาไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่าคนในประเทศสหรัฐอเมริกาบางคนพูดอะไรแล้วก็ต้องหลงเชื่อ ยืนยันว่าตนเป็นนักธุรกิจ ไม่ได้มาจากรัฐบาลเพื่อประโยชน์อื่น แต่เป็นการมาลงทุนเพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันภายใต้หลักการ win – win ไปด้วยกัน