ตร.สน.ทองหล่อ สอบเครียด ชายวัย 36 ปี กรณีต้มตุ๋นขายกระเป๋าแบรนด์เนมหรู เหยื่อสูญเงินกว่า 100 ล้าน หลังล็อคตัวคาสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้เสียหาย รุดคัดค้านการประกันตัว
ภายหลังตำรวจ ตม. ล็อกตัว ชายวัย 36 ปี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังต้มตุ๋นขายกระเป๋าแบรนด์เนมหรู เหยื่อหลายราย สูญเงินกว่า 100 ล้านบาท คาดกำลังเผ่นหนีออกนอกประเทศ ล่าสุดถูกควบคุมตัวมา สน. ทองหล่อ ซึ่งพนักงานสอบปากคำเครียดนานหลายชั่วโมง ด้านคู่กรณี-ผู้เสียหาย คัดค้านการประกันตัว หวั่นหลบหนี ขณะที่ญาติผู้ต้องหาเหิมหนัก เดินถ่ายรูปสื่อมวลชน ขู่ฟ้องหากนำภาพเสนอข่าว
วันที่ 25 พ.ย. 67 จากกรณี เมื่อเวลา 17.00 น. มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ จับกุมตัว นายฐณะวัฒน์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.406/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย. 67 ข้อหาฉ้อโกง โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
โดยการจับกุมครั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนดำเนินการขอศาลออกหมายจับ ทั้งนี้ ศาลได้พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีตามคำร้อง เห็นควร หมายจับนายฐณะวัฒน์ ในความผิดฐานฉ้อโกง ก่อนที่ทางพนักงานสอบสวนจะประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อนำข้อมูลหมายจับลงเข้าสู่ระบบเฝ้าระวังของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยทาง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวน ก่อนปรากฏข้อมูลว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการหลบหนี เพื่อที่จะเดินทางออกนอกประเทศ โดยใช้ช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทันทีที่ผู้ต้องหาได้ทำการเช็กอินและเข้าเคาน์เตอร์ระบบ ระบบได้ทำการแจ้งเตือน ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงได้ควบคุมตัวก่อนส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อทำการสอบปากคำ เบื้องต้นผู้เสียหายคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีความเสียหายเป็นจำนวนมาก เกรงว่าจะหลบหนี อีกทั้งตอนนี้มีข่าวฉ้อโกงหลายคดี เกรงว่าจะหลบหนี เพราะตำรวจไปจับได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และหากในวันนี้ทำเอกสารของผู้ต้องหาเสร็จก็จะนำตัวฝากขังในวันพรุ่งนี้
ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดยระบุพฤติกรรม ผู้ต้องหารายนี้ว่า มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่าถูกผู้ต้องหา หลอกลวงในการขายกระเป๋าแบรนด์เนมหรู คาดว่ามีผู้เสียหายจำนวนหลายราย นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังมีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความในท้องที่ สน.ลุมพินี เป็นคดีเกี่ยวกับคดีเช็คเด้ง มูลค่าความเสียหาย 70 ล้าน กระทั่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในความผิดฐานฉ้อโกง
ส่วนพฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ คือ ผู้กล่าวหาได้รู้จักคุ้นเคยกับนายฐณะวัฒน์ จิรรัชเศรษฐ์ ผู้ต้องหามาก่อน ระหว่างที่คบหากันเป็นเพื่อนพี่น้องกัน ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 13.00 น. นายฐณะวัฒน์ฯ ผู้ต้องหา ได้มาหลอกผู้กล่าวหา ว่าจะนำกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อต่างๆ ของ ผู้กล่าวหา ไปขายให้กับลูกค้าของตนโดยรับประกันว่ากระเป๋าทุกรายการเมื่อขายได้ทั้งหมดจะสามารถนำเงินมาให้ผู้กล่าวหา ได้เป็นเงินจำนวนทั้งหมด 13.35 ล้านบาทและเพื่อให้ผู้กล่าวหาหลงเชื่อยอมมอบกระเป๋าให้กับผู้ต้องหา ผู้ต้องหาได้หลอกลวงผู้กล่าวหาว่าจะนำเงินค่ากระเป๋ามาวางไว้ให้ผู้กล่าวหา ก่อน 4 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนของกระเป๋าเป็นอย่างมากและรับประกันว่า ไม่ว่าจะขายได้หรือไม่ ผู้ต้องหา จะนำเงินของตัวเองมาใช้ให้จนครบถ้วนเป็นเงินจำนวน 13.35 ล้านบาท
ต่อมา ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ผู้ต้องหาได้รับกระเป๋าจากผู้กล่าวหา ไปแล้ว ผู้ต้องหาก็ไม่เคยนำเงินค่ามัดจำรับประกันค่ากระเป๋าไว้ หรือเงินค่าสินค้ากระเป๋า หรือผลตอบแทนใดๆ มาให้ผู้กล่าวหา ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ผู้กล่าวหาได้พยายามติดตามทวงถามทางวาจาให้นายฐณะวัฒน์ฯ ชำระเงิน หรือคืนกระเป๋าตลอดมา แต่ผู้ต้องหาได้บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืน จนกระทั่ง ไม่สามารถติดต่อนายฐณะวัฒน์ฯ ได้ จึงเชื่อว่าผู้ต้องหา มีเจตนาทุจริตมาแต่แรกซึ่งพฤติการณ์และการกระทำของผู้ต้องหา ทำให้ ได้รับความเสียหาย จึงมาร้องทุกข์ไว้ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับ นายฐณะวัฒน์ จิรรัชเศรษฐ์ ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าจะถึงที่สุด