รักษ์ป่ารักชีวิต คนกับป่าอยู่กันอย่างพึ่งพาและสมดุล
การที่มนุษย์เราจะสามารถดำรงชีวิตสืบเผ่าพันธุ์อยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้นั้น แน่นอนว่า คนกับธรรมชาติ จำเป็นจะต้องอยู่กันแบบพึ่งพา และสมดุล เนื่องจากคนอาศัยทรัพยากรป่าไม้บนโลกนี้เป็นแหล่งอาหาร เป็นแหล่งผลิตอากาศ และเป็นแหล่งน้ำ ในการดำรงชีวิตทรัพยากรป่าไม้จึงมีความสำคัญกับมนุษย์บนโลก
ในปัจจุบันโลกเราถูกมนุษย์บุกรุกตัดไม้ทำลายป่าจนเรียกได้ว่าป่าไม้บนโลกเรากำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ป่าไม้ลดปริมาณลงจนเกิดปัญหาวิกฤติย้อนกลับมาสู่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นปัญหามลพิษ โลกร้อน และภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เราประสบพบเจอกันอยู่ทุกวันนี้ประเทศไทยเราได้เสียพื้นที่ป่าไม้มากขึ้นทุกปี ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2556 – 2562 คงเหลือจำนวน 102,484,072.71 ไร่ หรือคิดเป็น 31.68 ของประเทศ ซึ่งลดลงจากปี พ.ศ. 2560 – 2561 จำนวน 4,229.48 ไร่ นั่นจึงเป็นเหตุให้สถานการณ์ป่าไม้ในประเทศไทยนั้นกำลังวิกฤติ
ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งตามแผนนโยบายป่าไม้แห่งชาติมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าไม้เพื่อการอนุรักษ์และเพื่อเศรษฐกิจไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศไทย ใน 40 เปอร์เซ็นต์ที่ว่านี้จะแบ่งออกเป็น ป่าอนุรักษ์ 25% หรือ 81 ล้านไร่ และพื้นที่ป่าเศรษฐกิจและป่าชุมชน 15% ส่วนพื้นที่เขตความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชมีอยู่ประมาณ 22.6% หรือ 73 ล้านไร่ ของพื้นที่ประเทศไทย และส่วนที่ยังขาดอีก 2.4% หรือ 7.75 ล้านไร่ อยู่ในกระบวนการรับมอบพื้นที่จากกรมป่าไม้ ซึ่งจะได้ครบตามเป้า 25% ของพื้นที่ประเทศไทยภายในปี พ.ศ. 2569
จากรายงาน ปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยดูดซับคาร์บอน (CO2) ได้ 282.36 ล้านตัน แต่ประเทศไทยเองก็ปล่อยก๊าซคาร์บอนกลับขึ้นไปถึง 260.3 ล้านตัน เป็นลำดับที่ 20 ของโลก จากปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ การเผาไหม้พลังงานถ่านหิน อุตสาหกรรมการผลิต และการเกษตรสิ่งเหล่านี้คือวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ที่บุกรุกทำลายป่า และนำมาซึ่งการเสียสมดุลของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติ
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ทรงมีพระราชปณิธานอย่างแรงกล้าที่จะฟื้นฟูความสมดุลของธรรมชาติโดยทรงปลูกและบำรุงต้นไม้ด้วยพระองค์มาโดยตลอดและทรงให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกว่ามีความสำคัญและน่าเป็นห่วงมากกว่าการปลูก ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่ทรงงานพัฒนาชนบทของประเทศไทย โดยเฉพาะการฟื้นฟูความสมดุลของธรรมชาติเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2533 คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการกำหนดให้วันพระราชสมภพของพระองค์ คือวันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสแสดงความกตัญญูต่อพระองค์ท่านด้วยการเสียสระแรงกายแรงใจ ความสามัคคีน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นราชสักการะแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยการปลูกและรร่วมกันบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ อันเป็นช่วงปลายฤดูฝนของทุกปี
ในขณะเดียวกัน กรมการพัฒนาชุมชนก็ได้ร่วมสืบสานพระปณิธานสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ดูแล รักษา ผืนป่า สร้างความสมดุลทางธรรมชาติให้เกิดความยั่งยืน และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยในวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็น “วันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ” กรมการพัฒนาชุมชน จึงได้จัดทำโครงการรวมพลังจิตอาสาปลูกป่า เนื่องในโอกาสวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2564 เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหา กรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระราชปณิธานอย่างแรงกล้าที่จะฟื้นฟูความสมดุลของธรรมชาติ โดยทรงปลูกและบำรุงต้นไม้ด้วยพระองค์มาโดยตลอด
กิจกรรมครั้งนี้ จึงเป็นการสร้างจิตสำนึกให้เกิดความรักความหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ของชาติ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และเพิ่มทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดความสมบูรณ์ สร้างความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ตามพระราชปณิธานของสมเด็จย่าต่อไป