‘ชัยธวัช’ ยังมองบวก ‘ก้าวไกล+เพื่อไทย’ ยังเป็นข้าวต้มมัดไม่มีรอยปริ ย้ำปมตีความเสนอชื่อ ‘พิธา’ ซ้ำ ไม่จำเป็นต้องถึงศาล รธน. รัฐสภาควรหาทางออก
วันที่ 25 ก.ค. ที่อาคารไทยซัมมิต นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ชี้แจงเรื่องกรณีมีการเลื่อนการประชุมหารือ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล เนื่องจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร และยังไม่ได้รับแจ้งว่าจะมีการนัดหมายอีกเมื่อไร ประกอบกับมีความเป็นไปได้ว่า ประธานรัฐสภา อาจจะงดการประชุมรัฐสภาในวันที่ 27 กรกฎาคมไปด้วย
นายชัยธวัช ยังยืนยันว่า อย่าเพิ่งรีบสรุปว่า ข้าวต้มมัดจะปริออกจากกัน ส่วนที่พรรคไทยสร้างไทย แถลงคัดค้านการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นไปตาม MOU ว่าเรื่องดั่งกล่าวเป็นวาระเฉพาะของพรรคก้าวไกล ส่วนจะมีข้อเสนอให้ทำ MOU ใหม่ โดยพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า การที่พรรคเพื่อไทยเลื่อนการประชุมไปก่อนได้สะท้อนว่าพรรคเพื่อไทยกำลังหาทางออกให้ดีที่สุด
นายชัยธวัช ยังเปิดเผยว่ามีสัญญาณที่ดีจาก สว. ว่าอาจจะมีผู้โหวตเห็นชอบมากกว่าเดิม หากมีการเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และยืนยันว่า พรรคก้าวไกลจะพยายามให้ดีที่สุด เพื่อจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของประชาชน
เมื่อถามถึง กรณี สส.พรรคก้าวไกลออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับคดีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แสดงว่าไม่สามารถร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่า เชิญมาหารือยังไม่ใช่การเชิญร่วมรัฐบาล
นายชัยธวัช ยังมั่นใจว่า หากพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลยังจับมือกันแน่นอยู่ จะไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ และสิ่งที่จะทำให้การจับมือเป็นไปได้ คือ ประชาชน
ส่วนกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาเปิดเผยว่าพรรคก้าวไกลได้เคยเสนอให้ตนเป็นรองนายกฯแลกกับการร่วมรัฐบาล นายชัยธวัช ชี้แจงว่า เป็นช่วงต้นของการจัดตั้งรัฐบาล แม้พรรคเสรีรวมไทยจะมีเพียงเสียงเดียว แต่ได้ให้เกียรติ์กัน เพราะเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่
ขณะที่ พล.ต.อ. เสรีพิสุทธิ์ ได้ระบุว่า พรรคก้าวไกลต้องเสียสละ นายชัยธวัชระบุว่า อยู่ที่การหารือของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้กังวลต่อท่าทีของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์
ส่วนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องการเสนอชื่อนายก ถือเป็นญัตติ ไม่สามารถเสนอซ้ำได้ นายชัยธวัช ยืนยันว่าพรรคไม่เห็นด้วย กับการให้ศาลตีความ เพราะถือว่าอยู่ในอำนาจของรัฐสภา จึงเป็นเหตุให้ ไม่มี ส.ส.พรรคก้าวไกลไปยื่นเรื่องนี้ เชื่อว่าสภายังคงมีทางออก หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง สามารถใช้ระบบสภามาหารือร่วมกันได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ช่องทางศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
กรณีมีข้อเสนอให้รอการเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป 10 เดือน หลัง สว.หมดวาระ นายชัยธวัช ระบุว่า เป็นการแสดงออกถึงว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่รอได้ แต่ 10 เดือน มันอาจจะนานเกินไป ทางที่ดีควรมีทางออกโดยที่ไม่ยืดเวลาออกไปนานขนาดนั้น ซึ่งการปลดล็อคข้อบังคับที่ 41 จะช่วยได้มาก
“ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจับมือกันแน่น รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไม่มีทางเกิดขึ้น และถึงที่สุด สว.อาจจะมีวิจารณญาณทำตามเสียงประชาชน”
เมื่อถามว่าหากถึงที่สุดพรรคก้าวไกลต้องเสียสละไปเป็นฝ่ายค้าน จะเลือกเดินออกไปเองหรือให้พรรคเพื่อไทยเป็ยผู้เชิญออก นายชัยธวัช ตอบว่า หากเมื่อถึงสถานการณ์นั้นจริง เป็นสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทยที่จะต้องเลือก ส่วนสิ่งที่พรรคก้าวไกลเลือก พยายามทำให้ดีที่สุด ให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้ตามเสียงของประชาชน