รมว.เกษตรฯ ‘ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาสภาอาชีพเกษตรกร และกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำ จ.เชียงใหม่ ลั่น
ทุกปัญหาของเกษตรกร อยู่บนบ่าที่ตนต้องรับผิดชอบ “พี่น้องเดือดร้อนตรงไหน จะไปหาที่นั่น”
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 8 กันยายน 2566 ที่อุทยานแห่งชาติแม่วาง ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ลงพื้นที่พบปะกลุ่มสภาอาชีพเกษตรกร (สอก.) จำนวนกว่า 400 ราย และรับฟังปัญหาของเกษตรกรกลุ่มผู้ใช้น้ำอำเภอดอยหล่อ และกลุ่มผู้ใช้น้ำโครงการอ่างเก็บน้ำแม่วาง โดยมีนายสุรเดช สมิเปรม รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุริยพล นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม พบปะรับฟังปัญหาด้วย โอกาสนี้ กลุ่มเกษตรกรได้ยื่นหนังสือเพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ปอน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ด้วย
ขณะเดียวกัน ยังมีคณะ สส.ของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นำโดยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรค, นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก, นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา ,นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา ,นายปกรณ์ จีนาคํา สส.แม่ฮ่องสอน และนายยุทธนา โพธสุธน รอต้อนรับด้วย
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดีที่ได้มาเหยียบแผ่นดินเมืองเหนือเป็นครั้งแรก ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งต้องขอโทษพี่น้องทุกท่านที่รอคอยตั้งแต่เวลา 13.00 น. เพราะช่วงเวลาตั้งแต่ 05.00 น. ตนได้เดินทางพร้อมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและคณะ ไปตรวจสภาพภัยแล้งและอุทกภัยที่จังหวัดขอนแก่น และในจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่มีเหตุอุทกภัยน้ำท่วมใน 5 อำเภอ ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการให้ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เดินทางไปจังหวัดกาฬสินธุ์เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องในหลายหลายอำเภอ โดยเฉพาะอำเภอห้วยผึ้ง ซึ่งมีผู้ประสบอุทกภัยและเสียชีวิต 1 ราย ทั้งนี้ ตั้งใจว่าจะเดินทางมาหาพ่อแม่พี่น้องชาว จ.เชียงใหม่โดยเฉพาะพี่น้องดอยหล่อ ซึ่งกำหนดการหลายจุดต้องยกเลิกเพราะไม่อยากให้พ่อแม่พี่น้องต้องรอนานเกินไป
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า วันนี้ยังได้พูดคุยกับปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสั่งการถึงอธิบดีทุกกรม ว่าตนจะมาเมืองเชียงใหม่เพื่อรับทราบปัญหา ก่อนที่ในวันที่ 11 และ 12 ก.ย. นี้ นายกฯ จะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เราก็จะสามารถบริหารบ้านเมืองได้ทันทีด้วยข้อมูลต่างๆ ที่มี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ พี่น้องชาวเมืองเหนือทั้ง 8 จังหวัดได้ประสบปัญหา และไม่มีผู้บริหาร ไม่มีรัฐมนตรีว่าการเป็นของคนเมืองเหนือเลย แต่สำหรับปี 2566 ฟ้าเปลี่ยนสี มีโอกาสที่คนเมืองเหนือทั้ง 8 จังหวัดได้ตั้งรัฐบาลที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และตนก็เป็นส่วนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็เป็นรัฐบาลของพี่น้องประชาชน ของคนไทยทั้งแผ่นดิน วันนี้เราได้ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.หนุ่มที่อยู่ในพื้นที่ คอยดูแลพี่น้อง และมีนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงตัวแทนภาคเอกชนด้วย
นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวถึงพี่น้องชาวสวนลำไย ว่า ไม่ต้องน้อยใจ อาทิตย์หน้าหลังจากที่แถลงนโยบายแล้ว ตนจะสั่งการแก้ไขเรื่องที่ติดขัดคั่งค้าง และจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ดีที่สุดตามที่เคยรับปากพี่น้องเอาไว้
“ถึงเวลาแล้วที่ความศิวิไลซ์จะเข้ามาสู่แผ่นดินสยาม โดยเฉพาะเมืองล้านนา เพราะเรามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรามีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งทั้ง 3 คนได้คุยกันแล้ว ว่าจะช่วยกันพัฒนาเมืองเหนือให้มีความเจริญ” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ภายหลังจากการทักทายพี่น้องชาวเกษตรกรภาคเหนือแล้ว ร.อ.ธรรมนัส ได้รับช่อดอกไม้ กระเช้าของขวัญ ลําไย และหนังสือร้องเรียน ที่ประชาชนและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่นํามามอบให้ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มทหารผ่านศึก นําพระเครื่องอัดใส่กรอบรูป นำมามอบให้กับ ร.อ.ธรรมนัส ด้วย
จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายแก้ปัญหาภัยแล้ง มีการวางแผนอย่างไรว่า เมื่อตอนปี 2563 ตนได้มอบหมายให้เป็นประธานกรรมการวิสามัญการแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยใน 22 ลุ่มน้ำ ดังนั้นได้ศึกษาภาพใหญ่มาแล้วว่าจะต้องแก้ปํญหาอย่างเป็นระบบอย่างไร ไม่ใช่แค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งแต่ต้องสอดคล้องกันทั้หมด ซึ่งตนจะศึกษาและมอบนโยบายให้กับกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการแก้ปัญหาภายหลังที่นายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา จะรีบวางแผนและบูรณาการอย่างยั่งยืน
เมื่อถามว่า มีเรื่องใดบ้างที่จะต้องเร่งแก้ไข ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องใหญ่ที่สุดคือเรื่องน้ำ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเกษตรกร เพราะแม้จะมีที่ดินแต่หากไม่มีน้ำทุกอย่างก็จบ จากนั้นจึงจะแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน
เมื่อถามว่า ปัญหาราคาผลผลิตในภาคเหนือมีความไม่แน่นอน จะวางนโยบายอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากที่ผ่านมากลไกรัฐไม่ได้แทรกแซงราคา ปล่อยให้พ่อค้าคนกลางและล้งต่างชาติมาเอาเปรียบเกษตรกร ดังนั้นต้องควบคุมช่องว่างตรงนี้ให้ได้ ถือเป็นวาระสำคัญเหมือนกัน
เมื่อถามว่า นโยบายการพักหนี้เกษตรกรจะเริ่มเมื่อใด ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า นายกฯ ถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญ ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา นายกฯ ให้วาระนี้เป็นเรื่องด่วน เป็นภาพใหญ่ระดับประเทศ ดังนั้นต้องรอฟังจากนายกฯ ในฐานะที่กำกับกระทรวงการคลัง
“วันนี้ผมใช้เวลาทั้งวันอยู่ 3 จังหวัด คือขอนแก่น ที่ต้องบริหารจัดการเรื่องภัยแล้ง จ.กาฬสินธุ์ มีเหตุน้ำท่วม พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ในขณะเดียวกัน ผมก็นัดพบกับพี่น้องเกษตรกร จ.เชียงใหม่ สิ่งที่ผมอยากจะฝากถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตพี่น้องคนไทยส่วนใหญ่ เราอยู่ภาคการผลิต อาหารเรากินทุกวัน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่อยู่บนบ่าที่ผมต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ต้นทุนการผลิต ตลาด ล้วนเป็นเรื่องสำคัญ เราจะทำมิติใหม่ของการเมือง เราจะทำให้ดีที่สุด พี่น้องเดือดร้อนตรงไหนเราจะไปหาที่นั่น”
เวลา 17.45 น. รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามผลการดำเนินงานการปรับปรุงระบบผันน้ำฝายแม่ตื่น ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ ก่อนจะลงพื้นที่ติดตามรับฟังผลการดำเนินงานขุดลอกอ่างเก็บน้ำโป่งจ้อ และพบปะกลุ่มผู้ใช้น้ำอ่างเก็บน้ำบ้านโป่งจ้อ เพื่อรับทราบปัญหาความต้องการ
ณ อ่างเก็บน้ำห้วยโป่งจ้อ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่บ้านโป่งจ้อ ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ รมว.เกษตรฯ ยังได้กำชับกรมชลประทาน เร่งดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด เพื่อให้สามารถใช้เก็บกักน้ำ เป็นแหล่งน้ำต้นทุน สำหรับใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และยังช่วยหน่วงชะลอน้ำในช่วงอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ