ข่าวดี “ธรรมนัส” เผย ครม.เคาะเงินช่วยชาวนา ไร่ละ 1,000 ไม่เกิน 20 ไร่ คาดถึงมือชาวนาจันทร์หน้า
วันที่ 14 พ.ย 2566 ที่ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้ (14 พ.ย. 2566) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการบริหารและจัดการข้าวแห่งชาติ (นบข.) เสนอมาตรการให้เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ภายใต้โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 วงเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท โดยมีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2566/67 กับกรมส่งเสริมการเกษตรเรียบร้อยแล้ว โดยจะให้เงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท กับเกษตรกร ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือ ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินให้กับชาวนาผ่านบัญชีเกษตรกรโดยตรงได้เร็วที่สุดในวันจันทร์หน้า (20 พ.ย. 2566) และช้าสุดไม่เกิน 1 เดือน โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินในส่วนนี้ไปก่อน แล้วรัฐบาลจะใช้เงินงบประมาณจ่ายคืนภายหลัง
ทั้งนี้ การช่วยเหลือชาวนาเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (7 พ.ย. 2566) ครม. ได้เห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว โดยให้สินเชื่อชะลอการขายข้าวในช่วงต้นฤดูข้าวนาปี 66/67 2 มาตรการ โดยมีเป้าหมายการนำข้าวออกจากระบบ 4 ล้านตัน จากปริมาณข้าวที่ออกมาสู่ตลาด 10 ล้านตัน ได้แก่ 1. สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี มีเป้าหมาย 3 ล้านตัน วงเงิน 10,120.71 ล้านบาท ช่วยค่าฝาก 1,500 บาทต่อตันโดยให้สหกรณ์รับ 1,000 บาท/ตัน และเกษตรกรรับ 500 บาท/ตัน โดยให้เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง 1-5 เดือน เริ่ม 1 ต.ค. 2566 ถึง 29 ก.พ. 2567 ในราคาข้าวหอมมะลิความชื้นไม่เกิน 25 % หรือหอมมะลิเกี่ยวสดตันละ 12,000 บาท ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 10,500 บาท ข้าวหอมมะลิปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเจ้า ตันละ 9,000 บาท ข้าวเหนียวตันละ 10,000 บาท หากราคาข้าวขึ้น รวมถึงเกษตรกรรายย่อยที่มียุ้งฉางด้วย 2. สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม มีเป้าหมาย 1 ล้านตัน วงเงิน 481.25 ล้านบาท สหกรณ์จ่ายดอกเบี้ย 1% รัฐช่วยดอกเบี้ย 3.85% ระยะเวลา 15 เดือน เริ่ม 1 ต.ค. 2566 ถึง 30 ก.ย. 2567
“รัฐบาลมีความห่วงใยเกษตรกรและตั้งเป้าหมายที่จะยกระดับเสถียรภาพสินค้าเกษตร เพื่อให้เกษตรกรในทุกสาขาอาชีพมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกษตรกรต้องได้ประโยชน์สูงสุด”