….สวัสดีฮะกับธีม”ของดีบ้านฉัน”วันนี้พาเที่ยวเมืองปากน้ำ...หากเอ่ยถึง…“สมุทรปราการ” นับเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากที่ตั้งเป็นเขตยุทธศาสตร์ทางน้ำ คำว่า “สมุทรปราการ” มาจาก คำว่า “สมุทร” ซึ่งแปลว่าทะเล และ “ปราการ” ที่แปลว่า กำแพง จึงมีความหมายโดยรวมว่า “กำแพงริมน้ำ” และหากย้อนหลังไป 800 ปีเศษ ชนชาติขอมซึ่งมีความรุ่งเรืองอยู่ ในขณะนั้นได้สร้างเมืองพระประแดงบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเป็นเมืองหน้าด่านซึ่งสันนิษฐานว่า ในปัจจุบันคือบริเวณท่าเรือคลองเตย และต่อมาแผ่นดินบริเวณรอบเมืองพระประแดงนั้นได้งอกออกไปในทะเลโดยทิศใต้แผ่นดินงอกถึงแถบตำบลปากคลองบางปลากดซึ่งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา และทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาแผ่นดินได้งอกถึงบริเวณตำบลบางด้วน บางหมู และบางนางเกรง ทำให้เมืองพระประแดงมีความสำคัญลดลง เนื่องจากอยู่ห่างจากบริเวณปากแม่น้ำ ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2163 – 2171 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้โปรดให้สร้างเมืองสมุทรปราการขึ้นใหม่ เพื่อเป็นเมืองปากน้ำหน้าด่านของกรุงศรีอยุธยา และใช้เป็นสถานที่ทำการค้าขายกับชาวฮอลันดาโดยทรงพระราชทานที่ดินบริเวณคลองบางปลากด ให้ชาวฮอลันดาไว้เป็นเมืองการค้าซึ่งเรียกว่า “นิวอัมสเตอร์ดัม”….
….สมุทรปราการ สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในสมัยของ พระเจ้าทรงธรรม แต่เดิมแล้ว ตั้งอยู่ใกล้คลองปลากด ทางฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา และต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองสมุทรปราการเป็นเมืองใหม่ ที่บริเวณบางเจ้าพระยา คือ ตำบลปากน้ำในปัจจุบันนั่นเอง โดยตั้งอยู่ระหว่าง คลองปากน้ำกับคลองมหาวงศ์ ด้วยทรงเล็งเห็นว่า ที่ตั้งของเมืองสมุทรปราการนั้น ยังไม่มั่นคงพอที่จะตั้งรับต่อสู้กับข้าศึกได้ พร้อมกับสร้างป้อมป้องกันเรือของข้าศึกรวม 6 ป้อม ปัจจุบันนี้ป้อมปราการในจังหวัดสมุทรปราการเหลืออยู่เพียง 2 ป้อม เท่านั้น คือ ป้อมผีเสื้อสมุทร และ ป้อมพระจุลจอมเกล้า เท่านั้น อีกทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสมุทรเจดีย์บนเกาะกลางน้ำ ในปี พ.ศ.2366 อีกด้วย
….ครั้นในรัชกาลที่ 2 ได้ทรงสร้างเมืองใหม่แล้วนั้น ได้มีการทำพิธีฝังหลักเมือง ในวันอาทิตย์ เดือน 4 ขึ้น 7 ค่ำ พ.ศ.2365 โดยบริเวณที่ฝังหลักเมือง ชาวบ้านเรียกว่า ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง มาจนถึงปัจจุบันนี้ และยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสมุทรปราการ ศาลหลักเมืองสมุทรปราการ (ปากน้ำ) แห่งนี้ แต่เดิมเป็นอาคารทรงไทย แต่ด้วยความที่ศาลหลักเมืองสร้างมานานเกือบ 200 ปี จึงชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จึุงทำให้ได้มีการบูรณะปรับปรุงมาเป็นศาลหลักเมืองแบบศาลเจ้าพ่อจีน ในปี พ.ศ.2529 เหตุด้วยบริเวณชุมชนแห่งนี้ มีชาวจีนเข้ามาตั้งรกรากค้าขายมาอย่างยาวนาน โดยชาวจีนก็มีความเคารพนับถือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นอย่างมาก จึงได้ร่วมมือกันสร้างศาลหลักเมืองแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ จึงเกิดการผสมผสานของวัฒนธรรมจีนและวัฒนธรรมไทยได้อย่างลงตัว
….สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยความจำเป็นทางการเมือง และความมั่่นคงของประเทศ ทางการจึงได้ตั้งเมือง นครเขื่อนขันธ์ ขึ้น จึงกล่าวได้ว่า จังหวัดสมุทรปราการ หรือเมืองปากน้ำในปัจจุบันนี้ มีประวัติ และอาณาเขต ของเมือง 3 เมืองรวมกัน คือ เมืองพระประแดง เมืองนครเขื่อนขันธ์ และเมืองสมุทรปราการ นั่นเอง
ที่ตั้งอำเภอพระประแดงปัจจุบัน ไม่ใช่เมืองพระประแดงเดิม แต่เป็นเมืองนครเขื่อนขันธ์ ซึ่งเริ่มสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองพระประแดง หรือ จังหวัดพระประแดง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวค่ะ ต่อมาในปี พ.ศ.2475 จังหวัดพระประแดงได้ถูกยุบ และให้มารวมขึ้นอยู่กับจังหวัดสมุทรปราการ ดังนั้นจังหวัดพระประแดง จึงคงสภาพเป็นเพียงอำเภอพระประแดง มาจนถึงปัจจุบัน
….เกริ่นประวัติเล็กๆน้อยๆของจังหวัดสมุทรปราการมีพอสังเขป…ก็เข้าเรื่องท่องเที่ยวก็เลยดีกว่า…หลายๆ คนได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของจังหวัดสมุทรปราการ จากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น บางปู เมืองโบราณ วัดอโศการาม ฯลฯ เป็นต้น ทว่าในวันนี้เราขอพาคุณๆทั้งหลาย มาสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองสมุทรปราการกันดีกว่า ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องไปไกลที่ไหน..อินี่”ของดีบ้านฉันในอำเมืองก็มีนะนาย”จ่าฮัดช่าๆ…
….ตามตรอกซอกซอย ในเทศบาลเมืองสมุทรปราการนั้น มีความคลาสสิกและเก่าแก่ ตึกรามบ้านช่อง ยังคงสภาพเดิมๆ บรรดาร้านค้าที่เป็นทั้งบ้านไม้ ตึกแถวในสไตล์จีนโบราณ …เมื่อเห็นแล้วก็ทำให้หวนคิดถึง บรรยากาศของผู้คนเมื่อ 30 ปีก่อน รถรายังคงวิ่งกันอย่างขวักไขว่ ก็เพราะตลาดนั้นเป็นแหล่งรวมสินค้านานาชนิด ทั้งของกิน ของใช้ อาหารสด อาหารแห้ง โดยเฉพาะอาหารทะเล กุ้ง หอย ปลาหมึก ปลาทะเล ฯลฯ รับลองเลยว่าที่นี่สดได้ใจเลยจริงๆ ….สุมทรปราการ ยังมีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก บังเอิญวันนั้นเป็นวันจ่าย จึงมีผู้คนเดินทางเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้า อาทิ อาหาร ผลไม้ เพื่อไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีนกันอย่างเนืองแน่น ทั้งยังมีการแสดงงิ้วให้ชมในเวลาประมาณ 19.00 น.อีกด้วย
…บรรยากาศของร้านค้า ว่ากันว่า มีสินค้าทุกอย่างตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ทั้ง เสื้อผ้า เครื่องนุ่มห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ที่สะดุดตาอีกอย่างนั่นก็คือ “ร้านตัดผม” เราเดินดูไปหลายๆ ซอย ก็จับความรู้สึกได้ว่า ร้านตัดผมของที่นี่ มีดีไซน์ร้านแบบวินเทจ เหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีตกว่า 30 ปี โดยเป็นห้องแถวเช่า มีบานประตูกระจกใสผลักเข้าออก เก้าอี้นั่งตัดผมแบบเก่าเก๋า พร้อมอุปกรณฺ์อำนวยความสะดวกของช่างตัดผม ที่มีทั้งชายและหญิง สนนราคา ผู้ใหญ่ 100 บาท และเด็ก 60-80 บาท ถ้าตัดทรงวัยรุ่น ก็ราคาข้นเล็กน้อย 120 บาทขาดตัว ซึ่งราคานี้ในกรุงเทพฯแทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว ส่วนใหญ่ก็ 15o บาท ขึ้นทั้งนั้น
….ด้านการคนาคมขนส่ง สมุ.ทรปราการมีรถเมลขสมก.ไว้ให้บริการก็หลายสาย มีรถไฟฟ้า แท็กซี่ รถตุ๊กๆ มอเเตอร์ไซค์รับจ้าง และสามล้อถีบ คอยให้บริการนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางทั้งใกล้และไกล
….หลังจากเดิยทอดน่องถ่ายภาพจนหนำใจแล้ว ก็ปืดทริปนี้ ด้วยการเก็บภาพ Sunset ที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ โดยบริเวณนี้นับเป็นแลนด์มาร์คของชาวสมุทรปราการ เพราะมีอากาศที่ดี ลมพัดเย็นสบาย จึงมีผู้คนจำนวนมากมาวิ่งออกกำลังที่ศาลากลางแห่งนี้..
………………………………………………………….
By:BoYนาคราช