“ฉก.พญานาคราช” เปิดหลักฐานใหม่โยงขบวนการ “หมูเถื่อน” ภายหลัง “กรมประมง-กรมปศุสัตว์” ตั้ง “War Room” สาวถึงต้นตอ
วันที่ 1 ก.พ. 2567 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช จัดแถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจพบหลักฐานเพิ่มเติมในคดีหมูเถื่อน โดยมีนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช และโฆษกหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช เป็นประธาน พร้อมด้วย นายบัญชาสุขแก้วอธิบดีกรมประมง นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ นางยุพดีทองมีหัวหน้ากลุ่มควบคุมการนำเข้าส่งออกสัตว์น้ำ กองตรวจสอบเรือประมงสินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิตกรมประมง
นายธนดล กล่าวว่า “ตามนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ประกาศสงครามปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศเป็นอย่างมาก โดยได้แต่งตั้ง “หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช” ซึ่งมีการบูรณาการหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ทั้งสินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งที่ผ่านมา “หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช” ได้ดำเนินการอย่างจริงจังและเห็นผลเป็นรูปธรรม ทั้งการสุ่มตรวจห้องเย็น การเร่งรัดติดตาม การตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ โดยเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการโดยเฉพาะ ซึ่งขยายผลนำไปสู่การดำเนินคดี โดยมุ่งเป้าถอนรากถอนโคนขบวนการดังกล่าวให้สิ้นซาก ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ได้มีบัญชาว่าหากพบเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ให้คณะกรรมการระดับกระทรวงและระดับกรมที่ได้รับการแต่งตั้งดำเนินการตรวจสอบทันที ซึ่งขณะนี้ในอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารและเตรียมเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนต่อไป”
ด้าน นายบัญชา กล่าวว่า หลังจากมีการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่ลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน จำนวน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 21 ตู้ ที่เป็นสินค้าตกค้าง ณ สำนักงานศุลกากรแหมฉบัง พบว่า 1 ใน 21 ตู้ที่สุ่มตรวจมีสินค้าภายในตู้ไม่ตรงตามที่ผู้นำเข้าได้ขออนุญาตไว้ตอนนำเข้า เป็นชิ้นส่วนหมูปะปนมากับสินค้าประมงภายในตู้คอนเทนเนอร์เดียวกัน ทำให้เกิดข้อสงสัยกรณีการขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมงในลักษณะเดียวกัน “หน่วยเฉพาะกิจพญานาค” จึงได้มอบหมายให้กรมประมงจัดตั้ง “War Room” ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบเอกสารจากกรมประมง และกรมปศุสัตว์ ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเชิงลึกกว่า 1 สัปดาห์ในการสุ่มตรวจสอบเอกสารประกอบการยื่นขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมงในช่วงปี 2564-2566 โดยเริ่มสุ่มตรวจสอบเอกสารขออนุญาตนำเข้าสินค้าประมงของผู้นำเข้าที่ถูกดำเนินคดี ผลปรากฏว่า พบการยื่นเอกสารประกอบการขออนุญาตนำเข้าสัตว์น้ำ มีการใช้เอกสารรับรองสุขอนามัยสัตว์ ซึ่งมีข้อความไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นเอกสารที่มีการปลอมแปลงเพื่อหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่ในการขออนุญาตนำเข้า
ขณะที่ นายสมชวน กล่าวว่า ในส่วนของกรมประมง ได้มีการตรวจสอบห้องเย็นได้กว่า 2,000 ห้องเย็น และขึ้นทะเบียนเรียบร้อย ทั้งกับกรมปศุสัตว์และกรมประมงกรม หรือกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจากการเอกซเรย์รอบที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปีมี 39 รายที่สามารถดำเนินคดีและจับกุมได้ในปริมาณมาก ซึ่งก็มีทั้งคดีที่เป็นความผิดภายในประเทศตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ แต่บางส่วนเป็นคดีที่มีลักษณะของมาตรา 31 คือ เป็นสินค้าของต่างประเทศที่ถูกซุกไว้ในห้องเย็น โดยการดำเนินคดีในมาตรา 31 เกี่ยวกับเรื่องการนำเข้าราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษตามมาตรา 68 คือ จำคุก ไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ โดยดำเนินการมาแล้ว ตั้งแต่ปี 2565 – 2566 ดำเนินคดีได้ 39 คดี โดยได้ดำเนินการส่งให้ ป.ป.ง. และรวบรวมส่งให้ DSI ต่อไป
ทั้งนี้ นายธนดล กล่าวทิ้งท้ายว่า จากการดำเนินงานของหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ได้พบการกระทำความผิดที่เชื่อมโยงกับขบวนการหมูเถื่อน ขณะนี้พบมีการปลอมแปลงในลักษณะดังกล่าวแล้วจำนวน 20 ฉบับ จากผู้นำเข้า 3 ราย และอยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มเติม โดยในช่วงบ่ายวันนี้ หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช ได้เดินทางไปยื่นหนังสือกับผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางต่อไป
ธรรมนัสพรหมเผ่า #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ #หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช #หมูเถื่อน #ข่าวเกษตร #MissionThailand