วันที่ 14 มิถุนายน 2564 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี โดยจุดหมายแรกเดินทางไปยัง
โครงการส่งน้ำบำรุงรักษาปะแสร์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง รับฟังบรรยายสรุปจากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ถึงการดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาพรวมการจัดการน้ำสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
พลเอกประวิตร มอบนโยบายว่า การแก้ปัญหาเรื่องน้ำต้องเดินหน้าต่อไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งมีแผนเติบโตทางเศรษฐกิจหลายมิติ ดังนั้นพื้นที่จึงต้องทำแผนรองรับให้ครอบคลุมไม่ให้มีผลกระทบจากภาวะภัยแล้งหรือน้ำท่วม
ทั้งนี้เพื่อให้ภาคตะวันออกมีความมั่นคงเรื่องน้ำ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หารือและกำหนดแนวทางร่วมกันถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่รวมถึงเร่งดำเนินการเพิ่มน้ำต้นทุนในการพัฒนาระบบโครงข่ายน้ำดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
สำหรับการนิคมอุตสาหกรรม จะต้องจัดหาแหล่งน้ำสำรองของตนเองพร้อมทั้งสนับสนุนให้ภาคเอกชนใช้น้ำ เพิ่มน้ำต้นทุนโดยจัดทำระบบเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด ซึ่งต้องดำเนินการอย่างประหยัดและคุ้มค่าให้มากที่สุด
พลเอกประวิตร กล่าวย้ำว่า ขอให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามมาตรการรับมือฝน ระหว่างพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากรวมถึงวางแผงกักเก็บน้ำสำรองทุกแหล่ง ทั้งผิวดินและใต้ดินไว้รองรับฤดูแล้งหน้า ซึ่งเมื่อปีที่แล้วสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดี แม้จะมีความเสี่ยงถึงขั้นวิกฤตก็ตาม ซึ่งมาจากความพยายามและความร่วมมือของทุกฝ่าย ตนเชื่อมั่นว่าจากแผนงานโครงการที่รัฐได้วางไว้ประกอบกับแนวทางการรองรับทุกภาคส่วนจะช่วยสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากนั้นพลเอกประวิตร พร้อมร้อยเอก ธรรมนัส นางนฤมล และคณะ เดินทางไปยังสถานีสูบน้ำคลองสะพาน – ประแสร์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง รับฟังรายงานจากอธิบดีกรมชลประทาน ถึงกลไกการทำงานของสถานีฯ และเยี่ยมชมนิทรรศการ ก่อนกดปุ่มเดินน้ำสถานีสูบน้ำดังกล่าว ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยขบวนรถยนต์
ทั้งนี้ช่วงบ่าย ด้านร้อยเอก ธรรมนัส ได้นำคณะเดินทางไปยังอาคารวิทยาศาสตร์การกีฬา ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
มอบถุงยังชีพแก่เกษตรกร จำนวน 50 ราย ก่อนเดินทางไปยังศาลาเอนกประสงค์หนองผักกูด หมู่ที่ 13 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มอบถุงยังชีพแก่เกษตรกร จำนวน 50 ราย และเดินทางต่อไปยังศาลาเอนกประสงค์หมู่บ้านโรงน้ำตาล หมู่ที่ 11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
มอบถุงยังชีพแก่เกษตรกร จำนวน 50 ราย และศาลเจ้าแม่ทับทิมบ้านซากแง้ว หมู่ที่ 10 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรีจำนวน 50 ราย
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า รัฐบาลประกาศพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC นั่นหมายความว่า ภายในปีหน้าความเจริญจะเข้ามาสู่ตำบลห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี ส่งผลให้วิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ซึ่งทำไร่ ทำสวน บางครั้งราคาดี บางทีราคาแย่ รัฐบาลก็เข้าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร วันนี้ทาง EEC เสนอขอใช้พื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. โดยให้เจ้าหน้าที่ส.ป.ก.สำรวจถามชาวบ้านก่อน ซึ่งการจะทำอะไรของภาครัฐ ต้องถามชาวบ้านว่าเดือดร้อนหรือไม่ ถ้าทำแล้วชาวบ้านเดือดร้อน รัฐไม่ทำ แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตชาวบ้านในเชิงบวก ชาวบ้านได้ประโยชน์ รัฐก็จะทำ
ตนในฐานะกำกับดูแลพื้นที่ ส.ป.ก. ต้องการให้พี่น้องในพื้นที่ทุกคน หลุดจากกับดักความยากจน และตนได้คุยกับเลขาฯ EEC โดยหลักการคือพี่น้องที่ทำมาหากินในเขตปฏิรูปที่ดิน ทาง EEC จะสร้างเมืองใหม่ที่มีระบบสมบูรณ์แบบ สร้างถนน ไฟฟ้า โรงเรียนโรงแรม ที่พัก ตลอดจนถึงอุตสาหกรรม ที่จะเข้ามาและพี่น้องเกษตรกรจะได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา EEC โดยการถือหุ้นในธุรกิจที่ EEC ดำเนินการ ส่วนพื้นที่ปฏิรูปตรงไหนที่จะสร้างเป็นโรงแรมที่พัก ก็จะหาพื้นที่ใหม่ให้พี่น้องประชาชนอยู่โดย EEC จะเป็นผู้รับผิดชอบ
แต่จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่าประชาชนไม่น้อยที่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ หลังจากนี้ปฎิรูปที่ดิน จะมีการสำรวจและพิจารณาเรื่องการเยียวยารวมถึงการที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร EEC ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นว่าความเจริญเข้ามาคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนจะดีขึ้น