“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้อนรับ ดร. ซกกรัดทะยา ซก (Dr.SOK SOKRETHYA) ที่ปรึกษา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว กัมพูชา เตรียมส่งเสริมโฆษณา โครงการ “สองราชอาณาจักร หนึ่งปลายทาง” (Two Kingdoms, One Destination) ก่อนกัมพูชา เปิดประเทศช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ ชวนคนไทยเที่ยวกัมพูชา หลังสถานการณ์โควิด-19
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 ดร. ซกกรัดทะยา ซก (Dr.SOK SOKRETHYA) ที่ปรึกษา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว กัมพูชา ได้เข้าพบ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทย – ราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งช่วงระหว่าง และหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งนี้ทางกัมพูชา มีแผนที่จะเปิดประเทศ ในเดือนตุลาคม นี้ รับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว
ดร. ซกกรัดทะยา ฯ เผยว่า ได้แจ้งกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย ว่า ภายใต้การนำของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ที่ได้สร้างสวัสดิการ ที่แข็งแกร่งให้กับประชาชนรวมทั้งคนต่างชาติ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยได้ดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว 85% ในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และเยาวชนและเด็กอายุ 12 – 17 ปี ฉีดไปแล้ว 35% นับถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2564 รวมทั้งได้เริ่มฉีดเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรด่านหน้าประมาณ 5 แสน – 1 ล้านคน พร้อมตั้งเป้าว่าในสิ้นปีจะฉีดวัคซีนให้ครบ 100% ของจำนวนประชากร
ดร. ซกกรัดทะยา ฯ ได้แจ้งฝ่ายไทย ถึงความพยายามของรัฐบาลกัมพูชา ในการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่การท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ที่อุดมไปด้วยการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ระบบนิเวศและธรรมชาติ รวมถึงการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเล ที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทย ที่จะเยี่ยมชมราชอาณาจักรกัมพูชาในอนาคตอันใกล้ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ดร. ซกกรัดทะยา ฯ ได้ประสานความร่วมมือกับฝ่ายไทย หลายประเด็น ดังนี้
1.เพิ่มการจัดหาทุนการศึกษาด้านการท่องเที่ยว แก่เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวกัมพูชา
2.ส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทย เข้าร่วมเวทีการท่องเที่ยวอาเซียน (ATF 2022) ที่สีหนุวิลล์ จังหวัดพระสีหนุ มากยิ่งขึ้น
3.เพิ่มความร่วมมือการจัดแพคเกจทัวร์ (Package Tour) สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
4.ส่งเสริมการขับรถเที่ยวด้วยตนเอง ( Self-drive Tourism) ข้ามพรมแดน
5.ส่งเสริมการดำเนินงานด้วยกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ACMECS (ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง) ด้วยการใช้วีซ่าเดียว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแห่งประเทศที่สาม ที่มาเยือนประเทศไทยและกัมพูชา
6.เพิ่มการโฆษณาปลายทางท่องเที่ยว “สองราชอาณาจักร, หนึ่งปลายทาง (Two Kingdoms, One Destination)
ทั้งนี้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวไทย ได้ให้คำมั่นว่าจะนำข้อเสนอเหล่านี้ ไปทบทวน และดำเนินการ ต่อความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นกับทางกัมพูชา โดยภายหลังจากการประชุม นายพิพัฒน์ ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ กับผู้สื่อข่าวไทยและต่างประเทศ เกี่ยวกับสันติภาพ เสถียรภาพทางการเมือง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการพัฒนาในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกัมพูชา ที่มีกฎหมายการลงทุนใหม่ที่ดีที่สุดในภูมิภาค ขณะที่ ดร. ซกกรัดทะยา ได้พูดกับสื่อมวลชน ขอให้ช่วยเพิ่มการโฆษณาเกี่ยวกับศักยภาพการท่องเที่ยวกัมพูชา และเวทีการท่องเที่ยวอาเซียน (ATF 2022) ที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในปี 2020 ให้กับราชอาณาจักรไทย และประเทศสมาชิกทั้งในและนอกภูมิภาค