‘…… ประกวดตัดผมชิงแชมป์ประเทศไทย ปี 4″สุดยิ่งใหญ่! ภายใต้มาตรการคุมเข้มโควิด-19 รายได้มอบให้บ้านเด็กกำพร้า มุ่งผลักดันช่างตัดผมไทยโกอินเตอร์……
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 มีนาคม 2565 ที่ห้องไดมอนชั้น 5 โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ท ศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ช่างตัดผมจากทั่วประเทศจำนวน 200 คน เข้าแข่งขันตัดผมในงาน The Hair Stylist International V.4 เป็นงานแข่งตัดผมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ชิงถ้วยและเงินรางวัลกว่า 100,000 บาท โดยมีนายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ สส. เขต 4 จังหวัดปทุมธานี ประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วยผู้ให้การสนับสนุน ร่วมพธีเปิดงาน อาทิ สมชาย ขุนไชย ผู้จัดการกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ผลิตภัณฑ์ Dcashรชต รัฐสมบูรณ์ CEO ผลิตภัณฑ์ UPPER และ เบญจพร เชาวน์สุขุม CEO ผลิตภัณฑ์ DOCRO
บรรยากาศภายในงานมีเหล่าช่างตัดผมจากทั่วประเทศให้ความสนใจจำนวนมาก ภายในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทุกคนต้องในหน้ากากอนามัยแลผ่านการตรวจคัดกรองด้วย ATK มีการแสดงการสาธิตตัดผมแกะลายแสดงถึงทักษะและความชำนาญแบบมืออาชีพที่สั่งสมประสบการณ์ในวงการตัดผมของประเทศไทย ส่วนการประกวดแบ่งเป็น 5 ประเภทคือ 1.แข่งขันตกแต่งผมชายคลอสสิค , 2.แข่งขันตัดผมชายทรงมัลเล็ต สี ฟรีสโตล์ , 3.แข่งขันตัดผมหญิงทรงบ๊อบ สี ฟรีสโตล์ , 4.แข่งขันตัดผมชายฟาสเฟด และ 5. แข่งขันตัดผมชายวินเท็จ ทรงโซด์พาส
นายสถาพร อยู่โต หรืออาจารย์แม็คยูเทิร์นกรรไกรไฟ ประธานจัดงาน กล่าวว่า การจัดงานแข่งขันตัดผม The Hair Stylist International ครั้งที่ 4 ผู้ที่เข้าแข่งขันและผู้ชมต้องผ่านการตรวจคัดกรองโควิด ด้วยชุดตรวจ ATK ทุกคน เพื่อความปลอดภัย การแข่งขันตัดผมแบ่งออกเป็น 5 ประเภท จุดประสงค์เพื่อต้องการให้ช่างตัดผมบ้านเรา มีการพัฒนาฝีมือ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ เพื่อให้สามารถสู้กับต่างชาติได้ ช่างไทยเป็นคนที่มีฝีมือ ปีนี้มีบูธสักคิว แต่งหน้าที่เกี่ยวเสริมความงามเข้ามาร่วมด้วย และในงานยังมีโชว์รถจักรยานยนต์ Harley Davidson กว่า 20 คัน ใครสนใจสามารถติดต่อได้ราคาเป็นกันเอง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดถือเป็นการเปลี่ยนแปลงร้านทำผม มีความสะอาดขึ้น มีการโทรจองคิว และเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคมีการตรวจดูการฉีดวัคซีน และการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนการตัดผม สุดท้ายนี้อยากฝากถึงพี่น้องช่างตัดผมให้ผ่านสถานการแบบนี้ไปให้ได้เราต้องมีการปรับตัว และหวังว่าจะดีขึ้นไปกว่านี้ โดยรายได้ส่วนหนึ่งในการจัดการนำไปมอบให้กับบ้านเด็กกำพร้า และยังจะมีโครงการในการสนันสนุนอุปกรณ์เครื่องมือในการประกอบอาชีพให้กับผู้ยากไร้ที่อยากจะประกอบอาชีพขาดแคลนเครื่องมือ