จับตา! “นราพัฒน์-มาดามเดียร์” ชิงเก้าอี้ “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” นัดโหวต 9 ธ.ค.นี้
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ในวันที่ 9 ธ.ค. 2566 เวลา 08.30 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น พร้อมชี้แจงเรื่องการกำหนดเพิ่มองค์ประชุมที่มีข้อความคลาดเคลื่อน โดยการกำหนดองค์ประชุมเพิ่ม จำนวน 150 คน ตามข้อบังคับพรรค ข้อที่ 81 (19) ให้มีสมาชิกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
โดยองค์ประชุม 150 คน มาจากการเปิดรับสมัครจากสมาชิกพรรคทุกภาค ตามระเบียบต้องเป็นสมาชิกพรรคถึงวันที่ 14 พ.ย. 2566 เปิดให้สมัครผ่านระบบออนไลน์ หรือเดินทางมาสมัครด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ สมัครได้ตั้งแต่วันที่ 18-22 พ.ย. 2566 และจะประกาศผลในวันที่ 25 พ.ย. 2566
สำหรับจำนวนองค์ประชุมตามข้อบังคับพรรคต้องมีทั้งหมด 346 คน และตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 39 องค์ประชุมใหญ่ต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 250 คน โดยองค์ประชุม 346 คน แบ่งเป็น
กรรมการบริหารพรรค 24 คน
สมาชิกที่เคยเป็นหัวหน้าพรรค หรือ เลขาธิการพรรค 1 คน
สส.พรรค 25 คน
สมาชิกที่เป็นอดีต สส. 84 คน
สมาชิกที่เป็นรัฐมนตรีพรรค ไม่มี
สมาชิกเป็นอดีตรัฐมนตรี 24 คน
สมาชิกที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไม่มี
สมาชิกเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 คน
สมาชิกที่เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 คน
สมาชิกที่เป็นนายกเทศมนตรี ไม่มี
สมาชิกที่เป็น สก. 2 คน
สมาชิกที่เป็นหัวหน้าสาขาพรรค 20 คน
สมาชิกที่เป็นตัวแทนพรรคประจำจังหวัด 164 คน
กรณีองค์ประชุมไม่ครบ 250 คน จะนำองค์ประชุมสำรองไว้ 150 คนมาเพิ่มให้ครบองค์ประชุม ซึ่งจะออกเป็นระเบียบพรรคประชาธิปัตย์ว่าด้วยการแต่งตั้งพรรคเป็นองค์ประชุมสำรองของที่ประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 3/2566 กำหนดว่า หากองค์ประชุมใหญ่วิสามัญมีจำนวนไม่ครบ 250 คน ไม่ว่าจะขาดอยู่จำนวนเท่าไร ขอให้เชิญองค์ประชุมสำรองให้เข้าร่วมประชุมให้ครบ 250 คน และให้เพิ่มอีก 10 คนเสมอ
การกำหนดเช่นนี้จะทำให้องค์ประชุมสำเร็จลุล่วง โดยการกำหนดองค์ประชุมสำรองเคยทำแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มีเหตุผลพิเศษ เพราะการประชุม 2 ครั้งที่ผ่านมาองค์ประชุมไม่ครบ โดยเกณฑ์การเลือกหัวหน้าพรรค จะใช้สัดส่วน 70:30 เช่นเดิม ยังไม่มีการแก้ไข
นอกจากนี้ นายราเมศ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีชื่อของนายนราพัฒน์ แก้วทอง และนางสาววทันยา บุนนาค เข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ว่า มีหลายคนที่มีคุณสมบัติ ไม่ใช่ข่าวที่ออกจากตนเอง แต่เป็นสิ่งสื่อมวลชนพูดกัน ถือเป็นสีสันที่มีการคาดการณ์ ทั้งนี้ เมื่อได้หัวหน้าพรรค เชื่อว่าจะมีการฟื้นฟูพรรค ให้พรรคก้าวไปข้างหน้า พัฒนาให้กลับสู่การเมืองอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่เวลานี้คาดการณ์ไม่ได้ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคจนกว่าจะผ่านกระบวนการเลือกตั้ง และสำหรับแนวทางการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านนั้น เราทำหน้าที่ตามปกติเพียงแต่ว่าอยู่ในช่วงระหว่างเปลี่ยนผ่านคณะกรรมการบริหารพรรคชุดเก่าไปสู่ชุดใหม่ “ไม่ว่าจะชุดเก่าหรือชุดใหม่เราทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ และสร้างสรรค์”